[go: nahoru, domu]

ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สงครามท่าดินแดง"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Patcha007 (คุย | ส่วนร่วม)
วรุฒ หิ่มสาใจ (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขด้วยเว็บอุปกรณ์เคลื่อนที่
(ไม่แสดง 13 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 11 คน)
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{เพิ่มอ้างอิง}}
{{เพิ่มอ้างอิง}}
{{กล่องข้อมูล ความขัดแย้งทางทหาร
{{กล่องข้อมูล ความขัดแย้งทางทหาร
| image = Chintawannakhadi (p 527).jpg
|date = พฤศจิกายน พ.ศ. 2329 - มีนาคม พ.ศ. 2230
| image_size = 250px
| alt =
| caption = ภาพวาดการรบที่ท่าดินแดง ฝีมือของ[[เหม เวชกร]]
|date = พฤศจิกายน พ.ศ. 2329 - มีนาคม พ.ศ. 2330
|place = ท่าดินแดงและสามประสบ [[อำเภอสังขละบุรี]] [[จังหวัดกาญจนบุรี]]
|place = ท่าดินแดงและสามประสบ [[อำเภอสังขละบุรี]] [[จังหวัดกาญจนบุรี]]
|result = สยามได้ชัยชนะ
|result = สยามได้ชัยชนะ
|combatant1 = [[ไฟล์:Royal Standard of Konbaung Dynasty (1753-1885).svg|25px|border]] [[ราชวงศ์คองบอง|อาณาจักรพม่า]]
|combatant1 = [[ไฟล์:Royal Standard of Konbaung Dynasty (1753-1885).svg|25px|border]] [[ราชวงศ์คองบอง|อาณาจักรพม่า]]
|combatant2 = [[ไฟล์:Flag of Thailand (1782).svg|20px|border]] [[อาณาจักรรัตนโกสินทร์ (สมัยสมบูรณาญาสิทธิราช)|อาณาจักรรัตนโกสินทร์]]
|combatant2 = [[ไฟล์:Flag of Thailand (1782).svg|20px|border]] [[อาณาจักรรัตนโกสินทร์ (สมัยสมบูรณาญาสิทธิราช)|อาณาจักรรัตนโกสินทร์]]
|commander1 = [[ไฟล์:Royal Standard of Konbaung Dynasty (1753-1885).svg|25px|border]] [[พระเจ้าปดุง]] <br> [[ไฟล์:Royal Standard of Konbaung Dynasty (1753-1885).svg|25px|border]] เจ้าชายอินแซะมหาอุปราช <br> [[ไฟล์:Royal Standard of Konbaung Dynasty (1753-1885).svg|25px|border]] เมียนวุ่น <br> [[ไฟล์:Royal Standard of Konbaung Dynasty (1753-1885).svg|25px|border]] เมียนเมวุ่น
|commander1 = [[ไฟล์:Royal Standard of Konbaung Dynasty (1753-1885).svg|25px|border]] [[พระเจ้าปดุง]] <br> [[ไฟล์:Royal Standard of Konbaung Dynasty (1753-1885).svg|25px|border]] มหาอุปราช[[ตะโดเมงสอ]] <br> [[ไฟล์:Royal Standard of Konbaung Dynasty (1753-1885).svg|25px|border]] เมียนวุ่น <br> [[ไฟล์:Royal Standard of Konbaung Dynasty (1753-1885).svg|25px|border]] เมียนเมวุ่น
|commander2 = [[ไฟล์:Flag of Thailand (1782).svg|20px|border]] [[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก]]<br>
|commander2 = [[ไฟล์:Flag of Thailand (1782).svg|20px|border]] [[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช]]<br>
[[ไฟล์:Flag of Thailand (1782).svg|20px|border]] [[สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท]] <br>
[[ไฟล์:Flag of Thailand (1782).svg|20px|border]] [[สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท]] <br>
[[ไฟล์:Flag of Thailand (1782).svg|20px|border]] [[สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์|กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข]] <br>
[[ไฟล์:Flag of Thailand (1782).svg|20px|border]] [[สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์|กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข]] <br>
บรรทัด 18: บรรทัด 22:
}}
}}


'''สงครามท่าดินแดง''' เป็นสงครามระหว่างสยาม[[อาณาจักรรัตนโกสินทร์]]และอาณาจักรพม่า[[ราชวงศ์โก้นบอง]] เป็นการรุกรานของพม่าครั้งที่สองในสมัยรัตนโกสินทร์และเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากสงครามเก้าทัพ เกิดขึ้นหลังจากสงครามเก้าทัพหนึ่งปีในพ.ศ. 2329 หลังจากที่ฝ่ายพม่าซึ่งนำโดย[[พระเจ้าปดุง]]ปราชัยไปในสงครามเก้าทัพและถอยทัพกลับ ในปีต่อมาฝ่ายพม่าพระเจ้าปดุงทรงจัดทัพเข้ารุกรานสยามอีกครั้ง โดยเข้ามาทางเส้นทางเดียวคือทาง[[ด่านเจดีย์สามองค์]] [[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก|พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ]]และกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเสด็จยกทัพไปสู้รบกับฝ่ายพม่าที่ท่าดินแดงและสามประสบ ([[อำเภอสังขละบุรี]] จังหวัดกาญจนบุรี) ได้รับชัยชนะสามารถต้านทานการรุกรานของพม่าได้สำเร็จ
'''สงครามท่าดินแดง''' เป็นสงครามระหว่างสยาม[[อาณาจักรรัตนโกสินทร์]]และอาณาจักรพม่า[[ราชวงศ์โก้นบอง]] เป็นการรุกรานของพม่าครั้งที่สองในสมัยรัตนโกสินทร์และเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากสงครามเก้าทัพ เกิดขึ้นหลังจากสงครามเก้าทัพหนึ่งปีในพ.ศ. 2329 หลังจากที่ฝ่ายพม่าซึ่งนำโดย[[พระเจ้าปดุง]]ปราชัยไปในสงครามเก้าทัพและถอยทัพกลับ ในปีต่อมาฝ่ายพม่าพระเจ้าปดุงทรงจัดทัพเข้ารุกรานสยามอีกครั้ง โดยเข้ามาทางเส้นทางเดียวคือทาง[[ด่านเจดีย์สามองค์]] [[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช]]และกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเสด็จยกทัพไปสู้รบกับฝ่ายพม่าที่ท่าดินแดงและสามประสบ ([[อำเภอสังขละบุรี]] จังหวัดกาญจนบุรี) ได้รับชัยชนะสามารถต้านทานการรุกรานของพม่าได้สำเร็จ


== เหตุการณ์นำ ==
== เหตุการณ์นำ ==
ในพ.ศ. 2328 หลังจากที่[[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก|พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ]]ทรงสถาปนากรุงเทพฯเป็นราชธานีได้เพียงสามปี [[พระเจ้าปดุง]] (Badon Min) กษัตริย์พม่า[[ราชวงศ์โก้นบอง]]จัดทัพเข้ารุกรานอาณาจักรสยามจากหลายทิศทางทั้งหมดจำนวนเก้าทัพ โดยทัพขนาดใหญ่ที่สุดคือทัพหลวงของพระเจ้าปดุงยกมาทาง[[ด่านเจดีย์สามองค์]]เข้าโจมตีทางกาญจนบุรี โดยส่งแม่ทัพฝ่ายพม่าคือเมียนวุ่นและเมียนเมวุ่นยกทัพหน้าเข้ามาก่อน [[กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท]]พร้อมทั้งพระยากลาโหมราชเสนา พระยาจ่าแสนยากร และ[[เจ้าพระยารัตนาพิพิธ (สน สนธิรัตน์)]] เสด็จยกทัพไปตั้งรับเมียนวุ่นและเมียนเมวุ่นทางกาญจนบุรีที่ทุ่งลาดหญ้า (ตำบลลาดหญ้า [[อำเภอเมืองกาญจนบุรี|อำเภอเมือง]] [[จังหวัดกาญจนบุรี]]) นำไปสู่การรบที่ทุ่งลาดหญ้า การสู้รบใช้เวลาประมาณสองเดือน ฝ่ายพม่าประสบปัญหาขาดแคลนเสบียงทำให้ต้องปราชัยและถอยไปในที่สุด เมื่อทัพหน้าของเมียนวุ่นและเมียนเมวุ่นพ่ายแพ้พระเจ้าปดุงจึงทรงถอยทัพกลับไปยังเมือง[[เมาะตะมะ]] ทัพของพม่าที่เข้ารุกรานทางราชบุรีก็ไม่ประสบผลเช่นกันต้องถอยกลับไปยังเมือง[[ทวาย]]
ในพ.ศ. 2328 หลังจากที่[[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช]]ทรงสถาปนากรุงเทพฯเป็นราชธานีได้เพียงสามปี [[พระเจ้าปดุง]] (Badon Min) กษัตริย์พม่า[[ราชวงศ์โก้นบอง]]จัดทัพเข้ารุกรานอาณาจักรสยามจากหลายทิศทางทั้งหมดจำนวนเก้าทัพ โดยทัพขนาดใหญ่ที่สุดคือทัพหลวงของพระเจ้าปดุงยกมาทาง[[ด่านเจดีย์สามองค์]]เข้าโจมตีทางกาญจนบุรี โดยส่งแม่ทัพฝ่ายพม่าคือเมียนวุ่นและเมียนเมวุ่นยกทัพหน้าเข้ามาก่อน [[กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท]]พร้อมทั้งพระยากลาโหมราชเสนา พระยาจ่าแสนยากร และ[[เจ้าพระยารัตนาพิพิธ (สน สนธิรัตน์)]] เสด็จยกทัพไปตั้งรับเมียนวุ่นและเมียนเมวุ่นทางกาญจนบุรีที่ทุ่งลาดหญ้า (ตำบลลาดหญ้า [[อำเภอเมืองกาญจนบุรี|อำเภอเมือง]] [[จังหวัดกาญจนบุรี]]) นำไปสู่การรบที่ทุ่งลาดหญ้า การสู้รบใช้เวลาประมาณสองเดือน ฝ่ายพม่าประสบปัญหาขาดแคลนเสบียงทำให้ต้องปราชัยและถอยไปในที่สุด เมื่อทัพหน้าของเมียนวุ่นและเมียนเมวุ่นพ่ายแพ้พระเจ้าปดุงจึงทรงถอยทัพกลับไปยังเมือง[[เมาะตะมะ]] ทัพของพม่าที่เข้ารุกรานทางราชบุรีก็ไม่ประสบผลเช่นกันต้องถอยกลับไปยังเมือง[[ทวาย]]


ทางแหลมมลายูภาคใต้นั้น แกงหวุ่นแมงยีแม่ทัพพม่ายกทัพยึดได้เมือง[[ชุมพร]] เมือง[[อำเภอไชยา|ไชยา]] และเมือง[[นครศรีธรรมราช]] กรมพระราชวังบวรฯเสด็จยกทัพลงทางใต้ ทรงให้พระยากลาโหมราชเสนาและพระยาจ่าแสนยากรเอาชนะทัพพม่าได้ที่เมืองไชยา ทำให้แกงหวุ่นแมงยีต้องถอยทัพกลับไปอยู่ที่เมืองมะริดในเดือนมีนาคมพ.ศ. 2329 แม้ว่าการรุกรานของพม่าในสงครามเก้าทัพจะประสบกับความล้มเหลว แต่พระเจ้าปดุงทรงไม่ยอมแพ้ มีพระราชโองการให้ทัพของแกงหวุ่นแมงยีที่เมืองมะริดถอยไปอยู่เมืองทวาย เพื่อพักค้างในฤดูฝน<ref name=":0">[[กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จกรมพระยา]]. '''พงษาวดารเรื่องเรารบพม่า ครั้งกรุงธน ฯ แลกรุงเทพ ฯ'''.</ref>เตรียมการสำหรับการรุกรานครั้งใหม่หลังจากฤดูฝนสิ้นสุดลง และให้ทัพเมืองทวายกลับไปอยู่ที่เมืองเมาะตะมะ ส่วนพระเจ้าปดุงนั้นยกทัพเสด็จกลับเมืองอังวะ
ทางแหลมมลายูภาคใต้นั้น แกงหวุ่นแมงยีแม่ทัพพม่ายกทัพยึดได้เมือง[[ชุมพร]] เมือง[[อำเภอไชยา|ไชยา]] และเมือง[[นครศรีธรรมราช]] กรมพระราชวังบวรฯเสด็จยกทัพลงทางใต้ ทรงให้พระยากลาโหมราชเสนาและพระยาจ่าแสนยากรเอาชนะทัพพม่าได้ที่เมืองไชยา ทำให้แกงหวุ่นแมงยีต้องถอยทัพกลับไปอยู่ที่เมืองมะริดในเดือนมีนาคมพ.ศ. 2329 แม้ว่าการรุกรานของพม่าในสงครามเก้าทัพจะประสบกับความล้มเหลว แต่พระเจ้าปดุงทรงไม่ยอมแพ้ มีพระราชโองการให้ทัพของแกงหวุ่นแมงยีที่เมืองมะริดถอยไปอยู่เมืองทวาย เพื่อพักค้างในฤดูฝน<ref name=":0">[[กรมพระยาดำรงราชานุภาพ|ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จกรมพระยา]]. '''พงษาวดารเรื่องเรารบพม่า ครั้งกรุงธน ฯ แลกรุงเทพ ฯ'''.</ref>เตรียมการสำหรับการรุกรานครั้งใหม่หลังจากฤดูฝนสิ้นสุดลง และให้ทัพเมืองทวายกลับไปอยู่ที่เมืองเมาะตะมะ ส่วนพระเจ้าปดุงนั้นยกทัพเสด็จกลับเมืองอังวะ


== การจัดเตรียมทัพ ==
== การจัดเตรียมทัพ ==
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2329 พระเจ้าปดุงมีพระราชโองการให้พระโอรสคือเจ้าชายอินแซะ (Ainshe หรือ Einshay) มหาอุปราชยกทัพพม่าจำนวน 50,000 คน มาตั้งที่เมืองเมาะตะมะ กาารรุกรานของพม่าในครั้งนี้แตกต่างจากสงครามเก้าทัพในครั้งก่อนคือยกมาเพียงเส้นทางเดียว ที่เมืองเมาะตะมะเจ้าชายอินแซะมหาอุปราชมีพระบัญชาให้เมียนวุ่นและเมียนเมวุ่น สองแม่ทัพพม่าที่พ่ายแพ้ในการรบที่ทุ่งลาดหญ้าเมืองปีก่อนหน้า ยกทัพจำนวน 30,000 คน เป็นทัพหน้าเข้ามาก่อน เมียนวุ่นและเมียนเมวุ่นมาตั้งทัพที่ท่าดินแดงและสามประสบ ([[อำเภอสังขละบุรี]] จังหวัดกาญจนบุรี) โดยฝ่ายพม่าตั้งยุ้งฉางสำหรับเก็บเสบียงอย่างมากมายไว้ตลอดทางเดินทัพ<ref name=":1">[[เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค)|ทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา]]. '''พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑'''. พิมพ์ครั้งที่ ๖.</ref><ref name=":0" /> เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเสบียงในครั้งก่อนหน้า และสร้างสะพานข้ามแม้น้ำในทุกจุดข้าม หมายจะตั้งทัพอยู่เป็นแรมปี<ref name=":1" /><ref name=":0" /> ที่ท่าแดนแดงและสามประสบนั้น เมียนวุ่นและเมียนเมวุ่นให้ตั้งค่ายชักปีกกาขุดสนามเพลาะ ส่วนเจ้าชายอินแซะมหาอุปราชยกทัพจำนวนที่เหลืออีก 20,000 คน มาตั้งที่แม่น้ำแม่กษัตริย์
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2329 พระเจ้าปดุงมีพระราชโองการให้พระโอรสคือ[[ตะโดเมงสอ|เจ้าชายอินแซะ]] (Ainshe หรือ Einshay) มหาอุปราชยกทัพพม่าจำนวน 50,000 คน มาตั้งที่เมืองเมาะตะมะ กาารรุกรานของพม่าในครั้งนี้แตกต่างจากสงครามเก้าทัพในครั้งก่อนคือยกมาเพียงเส้นทางเดียว ที่เมืองเมาะตะมะเจ้าชายอินแซะมหาอุปราชมีพระบัญชาให้เมียนวุ่นและเมียนเมวุ่น สองแม่ทัพพม่าที่พ่ายแพ้ในการรบที่ทุ่งลาดหญ้าเมืองปีก่อนหน้า ยกทัพจำนวน 30,000 คน เป็นทัพหน้าเข้ามาก่อน เมียนวุ่นและเมียนเมวุ่นมาตั้งทัพที่ท่าดินแดงและสามประสบ ([[อำเภอสังขละบุรี]] จังหวัดกาญจนบุรี) โดยฝ่ายพม่าตั้งยุ้งฉางสำหรับเก็บเสบียงอย่างมากมายไว้ตลอดทางเดินทัพ<ref name=":1">[[เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค)|ทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา]]. '''พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑'''. พิมพ์ครั้งที่ ๖.</ref><ref name=":0" /> เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเสบียงในครั้งก่อนหน้า และสร้างสะพานข้ามแม้น้ำในทุกจุดข้าม หมายจะตั้งทัพอยู่เป็นแรมปี<ref name=":1" /><ref name=":0" /> ที่ท่าแดนแดงและสามประสบนั้น เมียนวุ่นและเมียนเมวุ่นให้ตั้งค่ายชักปีกกาขุดสนามเพลาะ ส่วนเจ้าชายอินแซะมหาอุปราชยกทัพจำนวนที่เหลืออีก 20,000 คน มาตั้งที่แม่น้ำแม่กษัตริย์


กองลาดตระเวนเมืองไทรโยค เมืองศรีสวัสดิ์ และเมืองกาญจนบุรี พบทัพพม่ามาตั้งอยู่ที่ท่าดินแดงและสามประสบ จึงรายงานเข้าไปยังกรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯโปรดฯให้จัดเตรียมทัพดังนี้;
กองลาดตระเวนเมืองไทรโยค เมืองศรีสวัสดิ์ และเมืองกาญจนบุรี พบทัพพม่ามาตั้งอยู่ที่ท่าดินแดงและสามประสบ จึงรายงานเข้าไปยังกรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯโปรดฯให้จัดเตรียมทัพดังนี้;


* สมเด็จพระอนุชาธิราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล พร้อมทั้งพระยากลาโหมราชเสนา พระยาจ่าแสนยากร และเจ้าพระยารัตนาพิพิธ (สน) สมุหนายก เสด็จยกทัพหน้าจำนวน 30,000 คน ล่วงหน้าไปก่อน
* สมเด็จพระอนุชาธิราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล พร้อมทั้งพระยากลาโหมราชเสนา พระยาจ่าแสนยากร และเจ้าพระยารัตนาพิพิธ (สน) สมุหนายก เสด็จยกทัพหน้าจำนวน 30,000 คน ล่วงหน้าไปก่อน
* พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ เสด็จยกทัพหลวงจำนวน 30,000 คน พร้อมทั้ง[[สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์|กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข]]
* พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จยกทัพหลวงจำนวน 30,000 คน พร้อมทั้ง[[สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เทเวศร์|กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข]]
* ให้[[เจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น)|พระยาพลเทพ (ปิ่น)]] เป็นผู้รักษาพระนครฯ
* ให้[[เจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น)|พระยาพลเทพ (ปิ่น)]] เป็นผู้รักษาพระนครฯ


บรรทัด 40: บรรทัด 44:


== ผลลัพธ์ ==
== ผลลัพธ์ ==
[[ไฟล์:Bridge_III,_Sangkhlaburi,_Thailand.jpg|thumb|right|250px|"[[สะพานมอญ]]" ณ [[อำเภอสังขละบุรี]] [[จังหวัดกาญจนบุรี]] เป็นที่ตั้งหนึ่งในสมรภูมิรบของ[[สงครามท่าดินแดง]]]]
[[ไฟล์:Three Pagodas.jpg|thumb|right|250px|"[[ด่านเจดีย์สามองค์]]" ณ [[อำเภอสังขละบุรี]] [[จังหวัดกาญจนบุรี]] เป็นช่องทางหลักของการเดินทัพของพม่า]]
สงครามท่าดินแดง นับเวลาตั้งแต่ยกทัพออกจากกรุงเทพฯไป ใช้ระยะเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งเดือน<ref name=":0" /> สามารถเอาชนะทัพฝ่ายพม่าได้ แม้ว่าฝ่ายพม่าพยายามแก้ไขปัญหาเรื่องความขาดแคลนเสบียงดังที่เกิดขึ้นในสงครามเก้าทัพครั้งก่อนแล้ว แต่ฝ่ายพม่ากลับไม่สามารถตั้งทัพอยู่ได้นานต้องถอยกลับไปในเวลาสั้น ฝ่ายสยามยกทัพไปพบกับทัพพม่าถึงเขตชายแดน<ref name=":0" /> ไม่ปล่อยให้ทัพพม่ายกล่วงเข้ามาถึงลาดหญ้าเหมือนครั้งก่อน หลังจากสงครามเก้าทัพและสงครามท่าดินแดงฝ่ายสยามกลับขึ้นเป็นฝ่ายรุกในฝั่งภาคตะวันตกนำไปสู่[[สงครามตีเมืองทวาย]]
สงครามท่าดินแดง นับเวลาตั้งแต่ยกทัพออกจากกรุงเทพฯไป ใช้ระยะเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งเดือน<ref name=":0" /> สามารถเอาชนะทัพฝ่ายพม่าได้ แม้ว่าฝ่ายพม่าพยายามแก้ไขปัญหาเรื่องความขาดแคลนเสบียงดังที่เกิดขึ้นในสงครามเก้าทัพครั้งก่อนแล้ว แต่ฝ่ายพม่ากลับไม่สามารถตั้งทัพอยู่ได้นานต้องถอยกลับไปในเวลาสั้น ฝ่ายสยามยกทัพไปพบกับทัพพม่าถึงเขตชายแดน<ref name=":0" /> ไม่ปล่อยให้ทัพพม่ายกล่วงเข้ามาถึงลาดหญ้าเหมือนครั้งก่อน หลังจากสงครามเก้าทัพและสงครามท่าดินแดงฝ่ายสยามกลับขึ้นเป็นฝ่ายรุกในฝั่งภาคตะวันตกนำไปสู่[[สงครามตีเมืองทวาย]]


บรรทัด 48: บรรทัด 52:
== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==
<references />
<references />

{{รัตนโกสินทร์}}

[[หมวดหมู่:สงครามเกี่ยวข้องกับไทย]]
[[หมวดหมู่:สงครามเกี่ยวข้องกับไทย]]
[[หมวดหมู่:สงครามเกี่ยวข้องกับพม่า]]
[[หมวดหมู่:สงครามเกี่ยวข้องกับอาณาจักรรัตนโกสินทร์]]
[[หมวดหมู่:สงครามเกี่ยวข้องกับราชวงศ์โก้นบอง]]
[[หมวดหมู่:ยุทธการในสงครามพม่า–สยาม]]
[[หมวดหมู่:ยุทธการในสงครามพม่า–สยาม]]
[[หมวดหมู่:ยุทธการเกี่ยวข้องกับไทย]]
[[หมวดหมู่:ยุทธการเกี่ยวข้องกับไทย]]
[[หมวดหมู่:ยุทธการเกี่ยวข้องกับพม่า]]
[[หมวดหมู่:การบุกครองไทย]]
[[หมวดหมู่:ประวัติศาสตร์ของจังหวัดกาญจนบุรี]]
[[หมวดหมู่:สยามในคริสต์ทศวรรษ 1780]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:13, 9 เมษายน 2567

สงครามท่าดินแดง
ส่วนหนึ่งของ สงครามไทย-พม่า

ภาพวาดการรบที่ท่าดินแดง ฝีมือของเหม เวชกร
วันที่พฤศจิกายน พ.ศ. 2329 - มีนาคม พ.ศ. 2330
สถานที่
ท่าดินแดงและสามประสบ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
ผล สยามได้ชัยชนะ
คู่สงคราม
อาณาจักรพม่า อาณาจักรรัตนโกสินทร์
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
พระเจ้าปดุง
มหาอุปราชตะโดเมงสอ
เมียนวุ่น
เมียนเมวุ่น

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข
เจ้าพระยารัตนาพิพิธ (สน สนธิรัตน์)
พระยากลาโหมราชเสนา

พระยาจ่าแสนยากร
กำลัง
36,000 30,000

สงครามท่าดินแดง เป็นสงครามระหว่างสยามอาณาจักรรัตนโกสินทร์และอาณาจักรพม่าราชวงศ์โก้นบอง เป็นการรุกรานของพม่าครั้งที่สองในสมัยรัตนโกสินทร์และเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากสงครามเก้าทัพ เกิดขึ้นหลังจากสงครามเก้าทัพหนึ่งปีในพ.ศ. 2329 หลังจากที่ฝ่ายพม่าซึ่งนำโดยพระเจ้าปดุงปราชัยไปในสงครามเก้าทัพและถอยทัพกลับ ในปีต่อมาฝ่ายพม่าพระเจ้าปดุงทรงจัดทัพเข้ารุกรานสยามอีกครั้ง โดยเข้ามาทางเส้นทางเดียวคือทางด่านเจดีย์สามองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเสด็จยกทัพไปสู้รบกับฝ่ายพม่าที่ท่าดินแดงและสามประสบ (อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี) ได้รับชัยชนะสามารถต้านทานการรุกรานของพม่าได้สำเร็จ

เหตุการณ์นำ

ในพ.ศ. 2328 หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงสถาปนากรุงเทพฯเป็นราชธานีได้เพียงสามปี พระเจ้าปดุง (Badon Min) กษัตริย์พม่าราชวงศ์โก้นบองจัดทัพเข้ารุกรานอาณาจักรสยามจากหลายทิศทางทั้งหมดจำนวนเก้าทัพ โดยทัพขนาดใหญ่ที่สุดคือทัพหลวงของพระเจ้าปดุงยกมาทางด่านเจดีย์สามองค์เข้าโจมตีทางกาญจนบุรี โดยส่งแม่ทัพฝ่ายพม่าคือเมียนวุ่นและเมียนเมวุ่นยกทัพหน้าเข้ามาก่อน กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทพร้อมทั้งพระยากลาโหมราชเสนา พระยาจ่าแสนยากร และเจ้าพระยารัตนาพิพิธ (สน สนธิรัตน์) เสด็จยกทัพไปตั้งรับเมียนวุ่นและเมียนเมวุ่นทางกาญจนบุรีที่ทุ่งลาดหญ้า (ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี) นำไปสู่การรบที่ทุ่งลาดหญ้า การสู้รบใช้เวลาประมาณสองเดือน ฝ่ายพม่าประสบปัญหาขาดแคลนเสบียงทำให้ต้องปราชัยและถอยไปในที่สุด เมื่อทัพหน้าของเมียนวุ่นและเมียนเมวุ่นพ่ายแพ้พระเจ้าปดุงจึงทรงถอยทัพกลับไปยังเมืองเมาะตะมะ ทัพของพม่าที่เข้ารุกรานทางราชบุรีก็ไม่ประสบผลเช่นกันต้องถอยกลับไปยังเมืองทวาย

ทางแหลมมลายูภาคใต้นั้น แกงหวุ่นแมงยีแม่ทัพพม่ายกทัพยึดได้เมืองชุมพร เมืองไชยา และเมืองนครศรีธรรมราช กรมพระราชวังบวรฯเสด็จยกทัพลงทางใต้ ทรงให้พระยากลาโหมราชเสนาและพระยาจ่าแสนยากรเอาชนะทัพพม่าได้ที่เมืองไชยา ทำให้แกงหวุ่นแมงยีต้องถอยทัพกลับไปอยู่ที่เมืองมะริดในเดือนมีนาคมพ.ศ. 2329 แม้ว่าการรุกรานของพม่าในสงครามเก้าทัพจะประสบกับความล้มเหลว แต่พระเจ้าปดุงทรงไม่ยอมแพ้ มีพระราชโองการให้ทัพของแกงหวุ่นแมงยีที่เมืองมะริดถอยไปอยู่เมืองทวาย เพื่อพักค้างในฤดูฝน[1]เตรียมการสำหรับการรุกรานครั้งใหม่หลังจากฤดูฝนสิ้นสุดลง และให้ทัพเมืองทวายกลับไปอยู่ที่เมืองเมาะตะมะ ส่วนพระเจ้าปดุงนั้นยกทัพเสด็จกลับเมืองอังวะ

การจัดเตรียมทัพ

ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2329 พระเจ้าปดุงมีพระราชโองการให้พระโอรสคือเจ้าชายอินแซะ (Ainshe หรือ Einshay) มหาอุปราชยกทัพพม่าจำนวน 50,000 คน มาตั้งที่เมืองเมาะตะมะ กาารรุกรานของพม่าในครั้งนี้แตกต่างจากสงครามเก้าทัพในครั้งก่อนคือยกมาเพียงเส้นทางเดียว ที่เมืองเมาะตะมะเจ้าชายอินแซะมหาอุปราชมีพระบัญชาให้เมียนวุ่นและเมียนเมวุ่น สองแม่ทัพพม่าที่พ่ายแพ้ในการรบที่ทุ่งลาดหญ้าเมืองปีก่อนหน้า ยกทัพจำนวน 30,000 คน เป็นทัพหน้าเข้ามาก่อน เมียนวุ่นและเมียนเมวุ่นมาตั้งทัพที่ท่าดินแดงและสามประสบ (อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี) โดยฝ่ายพม่าตั้งยุ้งฉางสำหรับเก็บเสบียงอย่างมากมายไว้ตลอดทางเดินทัพ[2][1] เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเสบียงในครั้งก่อนหน้า และสร้างสะพานข้ามแม้น้ำในทุกจุดข้าม หมายจะตั้งทัพอยู่เป็นแรมปี[2][1] ที่ท่าแดนแดงและสามประสบนั้น เมียนวุ่นและเมียนเมวุ่นให้ตั้งค่ายชักปีกกาขุดสนามเพลาะ ส่วนเจ้าชายอินแซะมหาอุปราชยกทัพจำนวนที่เหลืออีก 20,000 คน มาตั้งที่แม่น้ำแม่กษัตริย์

กองลาดตระเวนเมืองไทรโยค เมืองศรีสวัสดิ์ และเมืองกาญจนบุรี พบทัพพม่ามาตั้งอยู่ที่ท่าดินแดงและสามประสบ จึงรายงานเข้าไปยังกรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯโปรดฯให้จัดเตรียมทัพดังนี้;

  • สมเด็จพระอนุชาธิราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล พร้อมทั้งพระยากลาโหมราชเสนา พระยาจ่าแสนยากร และเจ้าพระยารัตนาพิพิธ (สน) สมุหนายก เสด็จยกทัพหน้าจำนวน 30,000 คน ล่วงหน้าไปก่อน
  • พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จยกทัพหลวงจำนวน 30,000 คน พร้อมทั้งกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข
  • ให้พระยาพลเทพ (ปิ่น) เป็นผู้รักษาพระนครฯ

การรบ

กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเสด็จยกทัพจากกรุงเทพฯจำนวน 30,000 คน ทางชลมารคไปยังเมืองไทรโยคเมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 3 ขึ้น 14 ค่ำ (วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2330) เมื่อถึงเมืองไทรโยคกรมพระราชวังบวรฯมีพระราชบัณฑูรให้พระยากลาโหมราชเสนา พระยาจ่าแสนยากร และเจ้าพระยารัตนาพิพิธ (สน) ยกทัพหน้าจำนวน 20,000 คน ล่วงหน้าไป พบกับทัพพม่าที่สามประสบ เพื่อโจมตีทัพพม่าให้พ่ายแพ้ไปตั้งแต่ที่ชายแดนโดยไม่ให้ทัพพม่าเข้าในเขตแดนดังเช่นในคราวก่อน[1] พระยากลาโหมราชเสนา พระยาจ่าแสนยากร และเจ้าพระยารัตนาพิพิธตั้งค่ายที่สามประสบ ทัพของกรมพระราชวังบวรฯตั้งห่างจากทัพหน้าลงมาเป็นระยะทาง 50 เส้น[2] พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯเสด็จยกทัพหลวงทางชลมารคถึงเมืองไทรโยค แล้วยกขึ้นเป็นทัพบกเสด็จไปตั้งทัพห่างจากทัพของกรมพระราชวังบวรฯลงมา 70 เส้น[2] จากนั้นมีพระราชโองการให้แม่ทัพนายกองทัพหลวงยกแยกออกไปตั้งประชิดกับทัพพม่าที่ท่าดินแดง

ในวันพุธ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 4 (21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2330) ทัพฝ่ายไทยเข้าโจมตีทัพฝ่ายพม่าพร้อมกันทั้งทีท่าดินแดงและสามประสบ การสู้รบกินเวลาทั้งกลางวันและกลางคืนมีการยิ่งปืนใหญ่ใส่กันและกัน การสู้รบใช้เวลาประมาณสามวันจนกระทั่งในวันศุกร์ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 4 ทัพพม่าแตกพ่ายถอยร่นไป ฝ่ายเจ้าชายอินแซะมหาอุปราชทรงทราบว่าทัพหน้าของเมียนวุ่นและเมียนเมวุ่นพ่ายแพ้ถอยมาแล้วจึงมีพระบัญชาให้ถอยทัพกลับไปยังเมืองเมาะตะมะเช่นกัน ทัพฝ่ายไทยยกติดตามไปสังหารทหารพม่าจำนวนและติดตามไปจนถึงแม่น้ำแม่กษัตริย์ซึ่งทัพของเจ้าชายอินแซะมหาอุปราชตั้งอยู่ จากนั้นมีพระราชโองการให้เผาทำลายยุ้งฉางที่เก็บเสบียงของพม่าจนหมดสิ้น แล้วจึงยกทัพกลับพระนคร

ผลลัพธ์

"ด่านเจดีย์สามองค์" ณ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็นช่องทางหลักของการเดินทัพของพม่า

สงครามท่าดินแดง นับเวลาตั้งแต่ยกทัพออกจากกรุงเทพฯไป ใช้ระยะเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งเดือน[1] สามารถเอาชนะทัพฝ่ายพม่าได้ แม้ว่าฝ่ายพม่าพยายามแก้ไขปัญหาเรื่องความขาดแคลนเสบียงดังที่เกิดขึ้นในสงครามเก้าทัพครั้งก่อนแล้ว แต่ฝ่ายพม่ากลับไม่สามารถตั้งทัพอยู่ได้นานต้องถอยกลับไปในเวลาสั้น ฝ่ายสยามยกทัพไปพบกับทัพพม่าถึงเขตชายแดน[1] ไม่ปล่อยให้ทัพพม่ายกล่วงเข้ามาถึงลาดหญ้าเหมือนครั้งก่อน หลังจากสงครามเก้าทัพและสงครามท่าดินแดงฝ่ายสยามกลับขึ้นเป็นฝ่ายรุกในฝั่งภาคตะวันตกนำไปสู่สงครามตีเมืองทวาย

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จกรมพระยา. พงษาวดารเรื่องเรารบพม่า ครั้งกรุงธน ฯ แลกรุงเทพ ฯ.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 ทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑. พิมพ์ครั้งที่ ๖.