[go: nahoru, domu]

ข้ามไปเนื้อหา

คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ก่อตั้ง19 กันยายน พ.ศ. 2549
ประเภทคณะผู้ยึดอำนาจการปกครอง
สํานักงานใหญ่กองบัญชาการกองทัพบก
หัวหน้า
พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน
บุคลากรหลัก

คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ย่อ: คปค.) เป็นคณะบุคคลประกอบด้วยทหาร ตำรวจ และพลเรือน มีพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้า ซึ่งก่อรัฐประหารในประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 มีที่ตั้ง ณ กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

ที่มาของ คปค.

[แก้]

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ นำพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน พลเรือเอก สถิรพันธุ์ เกยานนท์ และพลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงานสถานการณ์เมื่อเวลา 00.19 น. ของวันพุธที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2549 ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต และพลเอก สนธิ กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลอันมีพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งแบ่งฝ่าย สลายความรู้รักสามัคคีของคนในชาติอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของชาติไทย ต่างฝ่ายต่างมุ่งหวังเอาชนะด้วยวิธีการหลากหลายรูปแบบ และมีแนวโน้มนับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยประชาชนส่วนใหญ่เคลือบแคลงสงสัยว่าการบริหารราชการแผ่นดินส่อไปในทางทุจริตประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง หน่วยงานอิสระถูกการเมืองครอบงำ ทำให้การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเกิดปัญหาและอุปสรรคหลายประการ ตลอดจนหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นที่เคารพ เทิดทูนของปวงชนชาวไทยอยู่บ่อยครั้ง แม้หลายภาคส่วนของสังคมจะได้พยายามประนีประนอมคลี่คลายสถานการณ์มาโดยต่อเนื่องแล้ว ก็ไม่สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองได้ พลเอก สนธิ และคณะ จึงก่อรัฐประหารยึดอำนาจการปกครอง และทำหน้าที่เป็น คปค.

สมาชิก

[แก้]
พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะ

การจัดส่วนงาน และการแบ่งมอบหน้าที่ความรับผิดชอบ

[แก้]

กองบัญชาการ คปค. ประกอบด้วยส่วนงาน 4 ส่วน คือ

  • คปค. มีหัวหน้า คปค. เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด มีหน้าที่ดังนี้
    • บริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชน และให้เป็นไปตามนโยบายที่ คปค. กำหนด
    • อำนวยการ ควบคุม กำกับดูแล บริหารงานของกระทรวง ทบวง กรม ในความรับผิดชอบให้สามารถสนองตอบความต้องการของประชาชนให้มากที่สุด
  • สำนักเลขาธิการ มีเลขาธิการ คปค. เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด รับผิดชอบงานธุรการ และกลั่นกรองบรรดาแถลงการณ์ คำสั่ง หรือประกาศ หรือเอกสารอื่นใดที่ประกาศให้ทราบทั่วไป ก่อนนำเสนอหัวหน้า คปค.
  • คณะที่ปรึกษา มีประธานที่ปรึกษา คปค. เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด มีหน้าที่ให้คำแนะนำปรึกษาต่อ คปค. ในนโยบายความมั่นคงด้านต่าง ๆ ตามที่ คปค. ร้องขอ หรือที่ริเริ่มขึ้นเอง
  • ฝ่ายกิจการพิเศษ มีเลขาธิการฝ่ายกิจการพิเศษเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด มีหน้าที่อำนวยการและประสานงานให้เป็นไปตามคำสั่งของ คปค.

สำนักโฆษก

[แก้]

มีหน้าที่เผยแพร่ข่าวสารที่ถูกต้องแก่สื่อมวลชนและประชาชน มีสมาชิก 9 คนดังต่อไปนี้

คณะโฆษกทางโทรทัศน์

[แก้]

มีหน้าที่อ่านแถลงการณ์ คำสั่ง และประกาศต่าง ๆ ของ คปค. ออกอากาศเป็น รายการพิเศษทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยมีสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เป็นแม่ข่าย มีรายนามดังต่อไปนี้

คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย

[แก้]

ชื่อภาษาอังกฤษ

[แก้]

เดิม คปค. ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า "Council for Democratic Reform under Constitutional Monarchy" (ย่อ: CDRM) ต่อมาได้ตัดคำว่า "under Constitutional Monarchy" ออก เพื่อไม่ให้สื่อต่างประเทศนำไปตีความว่า คปค. เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ชื่อภาษาอังกฤษจึงเป็น "Council for Democratic Reform" (ย่อ: CDR)[2]

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ

[แก้]

หลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2549 ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2549 คปค. แปรสภาพเป็น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ

อ้างอิง

[แก้]
  1. "การจัดส่วนงาน และ การแบ่งมอบหน้าที่ความรับผิดชอบ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-11-01. สืบค้นเมื่อ 2006-10-02.
  2. Council for Democratic Reform

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]
ก่อนหน้า คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถัดไป
คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ
(รสช.) (23 กุมภาพันธ์ 2534 – 21 เมษายน 2535)
คปค.
(19 กันยายน – 1 ตุลาคม พ.ศ. 2549)
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) (1 ตุลาคม 2549 – 7 กุมภาพันธ์ 2551)