การลงคะแนนแบบจำกัดคะแนนเสียง
การลงคะแนนแบบจำกัดคะแนนเสียง (อังกฤษ: limited voting, ย่อ LV) หรือ คะแนนเสียงจำกัด (อังกฤษ: limited vote) เป็นระบบการลงคะแนนที่ผู้ลงคะแนนมีจำนวนคะแนนเสียงน้อยกว่าจำนวนที่นั่งทั้งหมด โดยผู้สมัครหลายคนที่ได้คะแนนในกลุ่มที่สูงสุดจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง ในกรณีพิเศษซึ่งผู้ลงคะแนนอาจลงคะแนนให้เพียงผู้สมัครคนเดียวในเขตที่มีหลายที่นั่ง จะเรียกว่า แบบเสียงเดียวโอนไม่ได้ (อังกฤษ: single non-transferable vote) หรือเรียกว่า คะแนนเสียงจำกัดอย่างเคร่งครัด (อังกฤษ: strictly limited vote)[1]
ตัวอย่าง
แก้ในการเลือกตั้งผู้แทนจำนวนสามคน บัตรเลือกตั้งเป็นดังตัวอย่างนี้
Rory Red | พรรคแดง | |
Rachel Red | พรรคแดง | |
Brian Blue | พรรคน้ำเงิน | X |
Beryl Blue | พรรคน้ำเงิน | X |
Boris Blue | พรรคน้ำเงิน |
ผู้ลงคะแนนมีสิทธิเพียงแค่คนละสองคะแนน โดยในกรณีนี้ได้เลือก Brian และ Beryl โดยไม่สามารถออกเสียงเลือกคนที่สามตามจำนวนที่นั่งที่มีในเขตได้ โดยแต่ละคะแนนเสียงที่กาให้ผู้สมัครนั้นจะถูกนับมารวมกันแยกเป็นรายผู้สมัคร
ทางปฏิบัติและประเด็น
แก้ถึงแม้ว่าวิธีนี้บ่อยครั้งจะช่วยให้กลุ่มเสียงข้างน้อยได้รับการเลือกตั้ง ซึ่งไม่เหมือนกับแบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุด (FPTP) หรือแบบแบ่งเขตหลายเบอร์ (ยกชุด) หรือ Bloc voting แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนี้เสมอไปเนื่องจากประสิทธิภาพของคะแนนเสียงส่วนนั้นอาจจะถูกปรับขึ้นตามจำนวนผู้สมัคร
จากตัวอย่างที่ผ่านมา ผู้ลงคะแนนร้อยละ 54 สนับสนุนพรรคน้ำเงิน และอีกร้อยละ 46 สนับสนุนพรรคแดง ให้สมมติว่าหากแบ่งการสนับสนุนทั่วทั้งเขตแล้ว พรรคน้ำเงินจะชนะทั้งสามที่นั่งทั้งในแบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุด และแบบแบ่งเขตหลายเบอร์ ในขณะที่แบบเสียงจำกัดนั้นพรรคแดงจะชนะได้ 1 ที่นั่ง
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่พรรคน้ำเงินจะพยายามมากเกินไปจนทำให้ชนะเพียงแค่ที่นั่งเดียวจากทั้งหมดได้ เพราะพรรคน้ำเงินได้คะแนนเสียงเกือบร้อยละ 60 ของทั้งหมด โดยอาจมีความพยายามจะเอาชนะทั้งสามที่นั่ง โดยจะใช้วิธีส่งผู้สมัครให้ครบสามคน ในขณะที่พรรคแดงซึ่งรู้จุดอ่อนของตนจึงเลือกที่จะส่งผู้สมัครเพียงสองรายเพื่อพยายามรวบรวมเสียงให้ได้ประโยชน์มากที่สุด
สมมติว่าผู้ลงคะแนนจำนวน 100,000 คนสามารถออกเสียงได้คนละสองเสียง ผลการเลือกตั้งอาจจะได้เป็นดังนี้
Rory Red | 46,000 คะแนน | ได้รับเลือก |
Rachel Red | 46,000 คะแนน | ได้รับเลือก |
Brian Blue | 38,000 คะแนน | ได้รับเลือก |
Beryl Blue | 36,000 คะแนน | |
Boris Blue | 34,000 คะแนน |
โดยการส่งผู้สมัครเข้าชิงที่นั่งจำนวนเต็มสามคนนั้นพรรคนำ้เงินทำให้เกิดปรากฏการณ์เสียงแตกถึงแม้ว่าจะได้เสียงส่วนใหญ่ในเมืองก็ตาม
จากตัวอย่างนี้จะเห็นว่า การลงคะแนนแบบจำกัดคะแนนเสียงนี้ไม่ใช่ระบบการลงคะแนนแบบสัดส่วน
อีกหนึ่งวิธีที่ระบบนี้อาจทำให้ความพยายามให้เป็นสัดส่วนอย่างเป็นธรรมนั้นล้มเหลวหากในกรณีที่พรรคการเมืองที่มีขนาดใหญ่มากนั้นมีการจัดการที่ดี และสามารถจัดการแบ่งสรรคะแนนเสียงต่อผู้สมัครได้โดยเกิดประโยชน์สูงสุด ตัวอย่างในประวัติศาสตร์ของการเลือกตั้งทั่วไปในปี ค.ศ. 1880 สำหรับเขตเลือกตั้งในเบอร์มิงแฮมที่มีผู้แทนจำนวนสามคน โดยผู้ลงคะแนนสามารถออกเสียงได้คนละไม่เกินสองเสียง
การเลือกตั้งทั่วไป ค.ศ. 1880: เบอร์มิงแฮม (3 ที่นั่ง) | |||||
---|---|---|---|---|---|
พรรค | ผู้สมัคร | คะแนนเสียง | % | ± | |
พรรคเสรีนิยม | Philip Henry Muntz | 22,969 | 24.27 | N/A | |
พรรคเสรีนิยม | John Bright | 22,079 | 23.33 | N/A | |
พรรคเสรีนิยม | Joseph Chamberlain | 19,544 | 20.65 | N/A | |
พรรคอนุรักษ์นิยม | F.G. Burnaby | 15,735 | 16.63 | N/A | |
พรรคอนุรักษ์นิยม | Hon. A.C.G. Calthorpe | 14,308 | 15.12 | N/A |
- หมายเหตุ ผู้มาใช้สิทธิทั้งหมดจำนวน 63,398 คน (ร้อยละ 74.64) โดยคำนวนคร่าวๆ ด้วยการหารจำนวนคะแนนเสียงโดยสอง
ชาลส์ ซีมัวร์ใน บทความเรื่อง การปฏิรูประบบการลงคะแนนในอังกฤษและเวลส์ อธิบายถึงปฏิกิริยาของเหล่าผู้สนับสนุนพรรคเสรีนิยมในเบอร์มิงแฮมภายหลังจากการเริ่มประกาศใช้ระบบจำกัดคะแนนเสียง
เหล่าชาวเสรีนิยมในเบอร์มิงแฮมล้วนตระหนักดีว่าหากพวกเขาต้องการเก็บที่นั่งที่สามไว้ให้ได้ จะต้องทำการแบ่งคะแนนเสียงให้ดีให้กับผู้สมัครทั้งสามราย โดยเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาคะแนนสูญ จะต้องมีการจัดตั้งองค์กรเพื่อควบคุมตัวเลือกของผู้ลงคะแนนได้อย่างสมบูรณ์ และผู้ลงคะแนนแต่ละรายจะต้องลงคะแนนตามที่ได้รับคำสั่ง ความสำเร็จของสมาคมเบอร์มิงแฮมนั้นได้กลายเป็นที่รู้โดยทั่วว่าพรรคการเมืองนั้นเป็นปึกแผ่น และไม่มีผู้สมัครจากฝั่งอนุรักษ์นิยมรายใดได้กลับมาอีก โดยได้ถูกลอกเลียนแบบในเขตเลือกตั้งอื่นๆ อีกมากและถือเป็นการเปิดยุคสมัยใหม่ในการพัฒนาเครื่องจักรในการเลือกตั้งของพรรคการเมืองอันเป็นผลของการเมืองระบบตัวแทนอันลึกซึ้ง
การใช้งาน
แก้อดีต
แก้ปัจจุบัน
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ Enid Lakeman & James Labert (1955). Voting in democracies. London: Faber.