ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โดโรเธียแห่งบรันเดินบวร์ค"
Novaskosia (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: แก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขด้วยเว็บอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขขั้นสูงด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
(ไม่แสดง 25 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้ 7 คน) | |||
บรรทัด 1:
{{Infobox royalty|monarchy
|name=โดโรเธียแห่งบรันเดินบวร์ค
| title= สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก
|succession=[[รายพระนามคู่อภิเษกสมรสในพระมหากษัตริย์เดนมาร์ก|สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก]]
|image=ไฟล์:Dorothy of Denmark, Norway & Sweden (1445) 1440s.jpg
|caption=พระ
|reign={{nowrap|26 กันยายน ค.ศ. 1446–<br>5 มกราคม ค.ศ. 1448}}<br>{{nowrap|28 ตุลาคม ค.ศ. 1449–<br>21 พฤษภาคม ค.ศ. 1481}}
|full name= โดโรเธีย ฟ็อน โฮเอินท์ซ็อลเลิร์น
บรรทัด 40:
| religion = [[โรมันคาทอลิก]]
| signature =
|birth_style=พระราชสมภพ}}
}}▼
'''โดโรเธียแห่งบรันเดินบวร์ค''' (ค.ศ. 1430/1431 - 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1495) ทรงเป็นเจ้าหญิง[[ราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์น|โฮเอินท์ซ็อลเลิร์น]] ซึ่งได้เป็นสมเด็จพระราชินีสแกนดิเนเวียภายใต้[[สหภาพคาลมาร์]] คือ [[รายพระนามคู่อภิเษกสมรสในพระมหากษัตริย์เดนมาร์ก|สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก]], [[รายพระนามคู่อภิเษกสมรสในพระมหากษัตริย์นอร์เวย์|นอร์เวย์]]และ[[รายพระนามคู่อภิเษกสมรสในพระมหากษัตริย์สวีเดน|สวีเดน]] จากการอภิเษกสมรสกับ[[พระเจ้าคริสตอฟเฟอร์ที่ 3 แห่งเดนมาร์ก]] ในค.ศ. 1445 จนกระทั่งกษัตริย์คริสตอฟเฟอร์สวรรคต ค.ศ. 1448 และต่อมาทรงเป็นพระมเหสีใน[[พระเจ้าคริสเตียนที่ 1 แห่งเดนมาร์ก]] พระนางทรงดำรงเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก ในค.ศ. 1449 และสมเด็จพระราชินีแห่งนอร์เวย์ ในค.ศ. 1450 จนกระทั่งกษัตริย์คริสเตียนสวรรคตในค.ศ. 1481 และยังทรงเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน ตั้งแต่ค.ศ. 1457 - 1464 พระนางยังทรงดำรงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินเดนมาร์กในช่วงสมัยไร้กษัตริย์ในค.ศ. 1448 และเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในช่วงพระราชสวามีองค์ที่สองเสด็จออกจากราชอาณาจักร<ref>Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.</ref>
บรรทัด 56:
==การอภิเษกสมรสกับกษัตริย์คริสเตียนที่ 1 แห่งเดนมาร์ก==
{{กล่องข้อมูล พระยศ
|พระนาม = สมเด็จพระราชินีโดโรเธีย
|ตราพระยศ = Armoiries de Dorothée de Brandebourg.svg
|ธงพระยศ =
|ตราประจำพระองค์ =
|การเรียกขาน = Hendes Majestæt <br>''{{small|(ใต้ฝ่าละอองพระบาท)}}''
|การแทนตน = ''ข้าพระพุทธเจ้า''
|การขานรับ = Deres Majestæt <br>''{{small|(พระพุทธเจ้าข้า/เพคะ)}}''
|ลำดับโปเจียม =
▲}}
[[ไฟล์:King Christian I of Denmark and Queen Dorothea.jpg|thumb|left|พระเจ้าคริสเตียนที่ 1 และสมเด็จพระราชินีโดโรเธีย]]
สมเด็จพระพันปีหลวงโดโรเธียได้รับคำขอให้อภิเษกสมรสกับ[[พระเจ้ากาชีมีแยชที่ 4 แห่งโปแลนด์]]และ[[อัลเบร็ชท์ที่ 6 อาร์ชดยุกแห่งออสเตรีย]] แต่พระนางทรงเลือกที่จะประทับในเดนมาร์กต่อไป และอภิเษกสมรสกับกษัตริย์เดนมาร์กพระองค์ใหม่ที่ได้รับการเลือกตั้งคือ [[พระเจ้าคริสเตียนที่ 1 แห่งเดนมาร์ก|คริสเตียนแห่งอ็อลเดินบวร์ค]] หรือ กษัตริย์คริสเตียนที่ 1<ref>Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.</ref> พระราชพิธีอภิเษกสมรสจัดขึ้นในวันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ. 1449 ตามมาด้วยพระราชพิธีราชาภิเษกในฐานะกษัตริย์คริสเตียนและพระราชินีโดโรเธียแห่งเดนมาร์ก พระนางทรงสละสิทธิในการครอบครองที่ดินศักดินาจากการสมรสที่มีอยู่ในเดนมาร์กและนอร์เวย์ แทนที่ด้วย[[คาลุนด์บอร์ก]]และ[[แซมเซอ]]ในเดนมาร์ก และ[[รอเมริเก]]ในนอร์เวย์ แต่ทรงปฏิเสธที่จะสละที่ดินในสวีเดน<ref>Dansk kvindebiografisk leksikon</ref> มีการเลือกตั้งให้คาร์ล คนุตสัน บอนเดอเป็นกษัตริย์สวีเดนและนอร์เวย์ ทำให้พระนางสูญเสียดินแดนในอาณาจักรเหล่านี้ และด้วยความทะเยอทะยานของพระนาง รวมถึงความทะเยอทะยานของกษัตริย์คริสเตียน ที่ต้องการให้กษัตริย์คริสเตียนสวมมงกุฎในสวีเดนและนอร์เวย์ และเพื่อรวมสหภาพคาลมาร์ที่แตกสลายให้รวมกันอีกครั้ง<ref>Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.</ref>
บรรทัดที่ 61 ⟶ 72:
กษัตริย์คริสเตียนทรงสืบราชบัลลังก์ในนอร์เวย์เช่นกัน ค.ศ. 1450 แต่การเอาชนะสวีเดนนั้นทำได้ยากกว่า และสมเด็จพระราชินีโดโรเธียทรงยืนหยัดรณรงค์เป็นเวลาหลายปีในการสรรหาผู้สนับสนุนจากเหล่าบาทหลวงและขุนนางสวีเดน ซึ่งพระนางทรงกล่าวพาดพิงถึง กษัตริย์คาร์ลที่ 8 แห่งสวีเดน ทีได้รับเลือกเป็นกษัตริย์นั้น เป็นเพียงอดีตเจ้ากรมวังและข้าราชบริพารของพระนาง ดังนั้นจึงสมควรเรียกว่าเป็นผู้ช่วงชิงราชบัลลังก์และเป็นผู้ทรยศที่ฝ่าฝืนคำปฏิญาณโดยการปล้นสิทธิที่ดินมรดกสมรสในสวีเดนของพระนาง ซึ่งเป็นอดีตพระราชินี<ref>Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.</ref> ในค.ศ. 1455 พระนางทรงยื่นคำร้องไปถึงสมเด็จพระสันตะปาปา<ref>Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.</ref> ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1457 การรณรงค์ของพระนางประสบความสำเร็จ เมื่อเกิดการกบฏโดยอาร์ชบิชอป [[จอน เบ็งก์สัน อ็อกเซนสแทร์นา]] ได้โค่นบัลลังก์ของกษัตริย์คาร์ลที่ 8 ซึ่งลี้ภัยไปยังดินแดนเยอรมัน และในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1457 กษัตริย์คริสเตียนทรงได้รับเลือกเป็นพระมหากษัตริย์สวีเดน ด้วยเหตุนี้จึงสามารถรวมสามอาณาจักรนอร์ดิกเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้ง<ref>Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.</ref> สมเด็จพระราชินีโดโรเธียเสด็จเข้าสตอกโฮล์มอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม และที่ดินมรดกสมรสของพระนางได้รับการฟื้นคืนแก่พระนาง ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1458 สภาสวีเดนได้อนุมัติตามพระราชประสงค์ของพระราชินีโดโรเธียและกษัตริย์คริสเตียนที่ว่าพระราชโอรสของทั้งสองพระองค์ จะได้สืบราชบัลลังก์สวีเดน เช่นเดียวกับราชบัลลังก์นอร์เวย์และเดนมาร์กที่ได้มีการรับประกันอย่างมั่นคงแล้ว<ref>Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.</ref> กษัตริย์และพระราชินีเสด็จกลับเดนมาร์กในเดือนกรกฎาคม
ใน ค.ศ. 1460 กษัตริย์คริสเตียนทรงซื้อ[[ดัชชีชเลสวิช]]และ[[ฮ็อลชไตน์]] ซึ่งทำให้พระองค์มีหนี้สิ้น ทำให้ต้องทรงขึ้นภาษีและทำลายผู้สนับสนุนฝ่ายพระองค์ในสวีเดน พวกเขาเลือกกษัตริย์คาร์ลที่ 8 เป็นพระมหากษัตริย์อีกครั้งในค.ศ. 1464<ref>Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.</ref> การสูญเสียสวีเดนส่งผลกระทบต่อสมเด็จพระราชินีโดโรเธีย ที่ทรงรณรงค์มาตลอดพระชนม์ชีพเพื่อพระราชสวามี (และพระราชโอรสในรัชสมัยต่อมา) ในการได้รับราชบัลลังก์อีกครั้ง ส่งผลกระทบต่อสหภาพคาลมาร์แห่งสามราชอาณาจักรและการเรียกคืนดินแดนมรดกสมรสของพระนาง<ref>Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.</ref> การสูญเสียที่ดินส่วนพระองค์ทำให้พระนางสามารถผลักดันปัญหาสวรีเดนเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีในศาลได้ และพระนางทรงฟ้องกษัตริย์คาร์ลที่ 8 ต่อสมเด็จพระสันตะปาปากรุงโรมในข้อหาช่วงชิงสิทธิในที่ดินของพระนาง<ref>Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.</ref> เมื่อผู้สืบตำแหน่งจากกษัตริย์คาร์ลที่ 8 เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินสวีเดน คือ [[สเตียน สตูเร ผู้อาวุโส]] ซึ่งเป็นหลานลุงของกษัตริย์คาร์ลที่ 8 พระนางจึงทรงฟ้องเขาด้วย<ref>Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.</ref> ในค.ศ. 1475 พระนางเสด็จอิตาลี พระนางเสด็จเยี่ยม[[บาร์บาราแห่งบรันเดินบวร์ค มาร์กรีซแห่งมันตัว|บาร์บาราแห่งบรันเดินบวร์ค]] พระเชษฐภคินีของพระนางที่[[มันโตวา|มันตัว]] และเข้าเฝ้าฯ [[สมเด็จพระสันตะปาปาซิกตุสที่ 4]] ในโรม และผลักดันให้มีการ[[การตัดขาดจากศาสนา|ปัพพาชนียกรรม]]สเตียน สตูเร อย่างเป็นทางการ<ref>Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.</ref> การที่พระนางใช้แผนการปัพพาชนียกรรม จะทำให้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งสวีเดนไม่สามารถปกครองได้ และราชอาณาจักรสวีเดนจะถูกทำลายทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง ส่งผลให้ผู้สำเร็จราชการสวีเดนพ่ายแพ้และมีการเลือกตั้งให้กษัตริย์เดนมาร์กเป็นกษัตริย์สวีเดน อันเป็นนโยบายทางการเมืองที่ถูกระงับและพระนางทรงต่อสู้มาเป็นเวลากว่า 20 ปี<ref>Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.</ref> การเสด็จเยือนโรมในพฤษภาคม ค.ศ. 1475 สมเด็จพระสันตะปาปาซิกตุสที่ 4 ทรงออกสารตราอนุญาตให้กษัตริย์คริสเตียนจัดตั้งมหาวิทยาลัยในเดนมาร์ก เป็นผลให้[[มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน]] ได้รับการสถาปนาในค.ศ. 1479
ในเดนมาร์ก สมเด็จพระราชินีโดโรเธียทรงได้รับ ''สล็อตสโลวึน'' (''Slotsloven'') เป็นกฎหมายที่ให้สิทธิแก่สมเด็จพระราชินีในการบังคับบัญชาปราสาท ป้อมปราการทั้งหมดในเดนมาร์ก และต้องทรงทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในช่วงที่พระมหากษัตริย์เสด็จนอกราชอาณาจักร<ref>Dansk kvindebiografisk leksikon</ref> พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ของพระนางมีส่วนในการสร้างอิทธิพลทางการเมือง เมื่อกษัตริย์คริสเตียนทรงได้รับฮ็อลชไตน์และชเลสวิช ในค.ศ. 1460 และไม่สามารถจ่ายได้ พระนางทรงให้พระราชสวามียืมพระราชทรัพย์ในจำนวนที่จำเป็นเพียงพอต่อการซื้อที่ดินเหล่านี้และรวมเข้าไว้กับเดนมาร์ก<ref>Dansk kvindebiografisk leksikon</ref> ในค.ศ. 1470 พระนางทรงยึดอำนาจการควบคุมชเลสวิชและฮ็อลชไตน์โดยพฤตินัย เมื่อกษัตริย์คริสเตียนไม่ทรงสามารถหาทรัพย์มาคืนพระนางได้ พระนางปกครองฮ็อลชไตน์ (ค.ศ. 1479) และชเลสวิช (ค.ศ. 1480) ด้วยพระนางเองและทรงปกครองเหมือนสถานะที่ดินศักดินาของพระนาง<ref>Dansk kvindebiografisk leksikon</ref> หลังการสิ้นพระชนม์ของพระบิดาของพระนาง ในค.ศ. 1464 พระนางทรงต่อสู้กับ[[ฟรีดริชที่ 2 ผู้คัดเลือกแห่งบรันเดินบวร์ค]] อาของพระนาง ในการแย่งชิงมรดกในแคว้นบรันเดินบวร์ค
สมเด็จพระราชินีโดโรเธียทรงได้รับการบรรยายว่า เป็นผู้มีความสามารถ ทะเยอทะยาน หยิ่งยะโสและประหยัด
===สมเด็จพระพันปีหลวง===
กษัตริย์คริสเตียนที่ 1 สวรรคตในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1481 และผู้สืบราชบัลลังก์คือ [[พระเจ้าฮันส์แห่งเดนมาร์ก]] พระราชโอรสองค์ใหญ่ ขณะดำรงเป็นสมเด็จพระพันปีหลวง พระนางโปรดที่จะประทับในปราสาทคาลุนด์บอร์ก พระนางยังทรงมีบทบาททางการเมืองในรัชสมัยพระราชโอรสตราบจนสิ้นพระชนม์ พระนางได้พระราชทานดัชชีชเลสวิช-ฮ็อลชไตน์ แก่[[พระเจ้าเฟรเดอริกที่ 1 แห่งเดนมาร์ก|เจ้าชายเฟรเดอริก]] พระราชโอรสองค์เล็ก ซึ่งทำให้พระนางเกิดความขัดแย้งกับพระราชโอรสองค์ใหญ่ และสุดท้ายทรงยุติด้วยการแบ่งดัชชีระหว่างพระราชโอรสทั้งสอง<ref>Dansk kvindebiografisk leksikon</ref>
สมเด็จพระพันปีหลวงโดโรเธียยังทรงมีความทะเยอทะยานต่อไปในการรวมสหภาพคาลมาร์แห่งราชอาณาจักรนอร์ดิก โดยพระนางทรงโปรดให้พระราชโอรสครองราชย์เป็นกษัตริย์สวีเดนมากกว่าที่จะสนับสนุนพระราชสวามี ด้วยการขับไล่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งสวีเดนจากการปัพพาชนียกรรม ด้วยเขาทำการริบที่ดินสิทธิมรดกของพระนาง<ref>Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.</ref> ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1482 พระนางทรงตรัสแผนการนี้แก่กษัตริย์ พระราชโอรส และในค.ศ. 1488 พระนางเสด็จไปเยือนบาร์บารา พระเชษฐภคินีที่มันตัวเป็นครั้งที่สอง ระหว่างทางพระนางทรงเข้าเฝ้าฯ [[จักรพรรดิฟรีดริชที่ 3 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์]] ที่[[อินส์บรุค]] และเสด็จเข้าเฝ้าฯ [[สมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 8]] ที่กรุงโรม ซึ่งพระนางทรงกดดันให้มีการคว่ำบาตรผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแห่งสวีเดนอีกครั้งและให้ราชอาณาจักรสวีเดนอยู่ใน[[โทษต้องห้าม]]<ref>Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.</ref> [[เฮ็มมิง กาห์]] เอกอัครราชทูตสวีเดนพยายามอย่างยากลำบากที่ไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น<ref>Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.</ref> สมเด็จพระพันปีหลวงทรงดำเนินการตามแผนการนี้ต่อไปจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ เรื่องนี้ก็ไม่ยุติจนกระทั่งหลังพระนางสิ้นพระชนม์ไปแล้วสามปี เมื่อพระราชโอรสของพระนางได้รับเลือกเป็นกษัตริย์สวีเดน และพระองค์ทรงยืนยันว่าจะไม่ดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป แม้ว่าพระนางจะสิ้นพระชนม์ก่อนที่พระราชโอรสจะได้เป็นกษัตริย์สวีเดนสองปี แต่ก็ถือว่าความพยายามของพระนางส่งผลให้เกิดผลประโยชน์ดังกล่าว<ref>Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.</ref>
สมเด็จพระพันปีหลวงโดโรเธียสิ้นพระชนม์ในวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1495 และทรงได้รับการฝังพระศพเคียงข้างพระราชสวามี ณ [[มหาวิหารรอสกิลด์]]
==พระโอรส-ธิดา==
บรรทัดที่ 87 ⟶ 102:
|-
|-bgcolor=ffffe0
| align = center| [[ไฟล์:
|[[พระเจ้าฮันส์แห่งเดนมาร์ก]]|| align="center" |2 กุมภาพันธ์<br />ค.ศ. 1455||align=center|20 กุมภาพันธ์<br />ค.ศ. 1513||bgcolor=ffffe0|อภิเษกสมรส วันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 1478 กับ<br />'''[[คริสตินาแห่ง
|-
|-bgcolor=ffffe0
บรรทัดที่ 96 ⟶ 111:
|-bgcolor=ffffe0
| align = center| [[ไฟล์:Frederik 1-detail.jpg|120px]]
|[[พระเจ้าเฟรเดอริกที่ 1 แห่งเดนมาร์ก]]||align=center|7 ตุลาคม<br />ค.ศ. 1471||align=center|10 เมษายน<br />ค.ศ. 1533||bgcolor=ffffe0|อภิเษกสมรสครั้งที่ 1 ค.ศ. 1502 กับ<br />'''[[แอนนาแห่งบรันเดินบวร์ค]]'''<br />มีพระโอรสธิดา 2 พระองค์ ได้แก่<br>[[พระเจ้าคริสเตียนที่ 3 แห่งเดนมาร์ก]]<br>[[โดโรเธียแห่งเดนมาร์ก ดัชเชสแห่งปรัสเซีย]]<br><br>อภิเษกสมรสครั้งที่ 2 วันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 1518 กับ<br />'''[[โซฟีแห่ง
|-
|
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 14:57, 13 มกราคม 2567
โดโรเธียแห่งบรันเดินบวร์ค | |||||
---|---|---|---|---|---|
สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก สวีเดน และนอร์เวย์ | |||||
พระสาทิสลักษณ์ร่วมสมัยของสมเด็จพระราชินีโดโรเธียในปราสาทเฟรเดอริคส์บอร์ก, ฮิลลีรืด | |||||
สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก | |||||
ครองราชย์ | 26 กันยายน ค.ศ. 1446– 5 มกราคม ค.ศ. 1448 28 ตุลาคม ค.ศ. 1449– 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1481 | ||||
ราชาภิเษก | 28 ตุลาคม ค.ศ. 1449 โบสถ์พระนางมารี, โคเปนเฮเกน | ||||
ก่อนหน้า | ฟิลิปปาแห่งอังกฤษ (ครั้งแรก) ว่าง (ครั้งที่สอง) | ||||
ถัดไป | ว่าง (ครั้งแรก) คริสตินาแห่งซัคเซิน (ครั้งที่สอง) | ||||
สมเด็จพระราชินีแห่งนอร์เวย์ | |||||
ครองราชย์ | 26 กันยายน ค.ศ. 1446– 5 มกราคม ค.ศ. 1448 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1450– 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1481 | ||||
ราชาภิเษก | 2 สิงหาคม ค.ศ. 1450 มหาวิหารนิดารอส, ทร็อนไฮม์ | ||||
ก่อนหน้า | ฟิลิปปาแห่งอังกฤษ (ครั้งแรก) คาทารีนา คาร์ลสด็อทเทอร์ (ครั้งที่สอง) | ||||
ถัดไป | คาทารีนา คาร์ลสด็อทเทอร์ (ครั้งแรก) คริสตินาแห่งซัคเซิน (ครั้งที่สอง) | ||||
สมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน | |||||
ครองราชย์ | 26 กันยายน ค.ศ. 1446– 5 มกราคม ค.ศ. 1448 23 มิถุนายน ค.ศ. 1457– 23 มิถุนายน ค.ศ. 1464 | ||||
ราชาภิเษก | 29 มิถุนายน ค.ศ. 1457 อาสนวิหารอุปซอลา | ||||
ก่อนหน้า | ฟิลิปปาแห่งอังกฤษ (ครั้งแรก) คาทารีนา คาร์ลสด็อทเทอร์ (ครั้งที่สอง) | ||||
ถัดไป | คาทารีนา คาร์ลสด็อทเทอร์ (ครั้งแรก) คริสตินา อับราฮัมสด็อทเทอร์ (ครั้งที่สอง) | ||||
พระราชสมภพ | ราว ค.ศ. 1430/1431 บรันเดินบวร์ค | ||||
สวรรคต | 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1495 (พระชนมายุราว 65 พรรษา) คาลุนด์บอร์ก, เดนมาร์ก | ||||
ฝังพระศพ | มหาวิหารรอสกิลด์ | ||||
คู่อภิเษก | พระเจ้าคริสตอฟเฟอร์ที่ 3 แห่งเดนมาร์ก (แต่ง 1445) พระเจ้าคริสเตียนที่ 1 แห่งเดนมาร์ก (แต่ง 1449) | ||||
พระราชบุตร | |||||
| |||||
ราชวงศ์ | โฮเอินท์ซ็อลเลิร์น(โดยประสูติ) พาราทิเนต-นอยมาร์ก (โดยเสกสมรส) อ็อลเดินบวร์ค (โดยเสกสมรส) | ||||
พระราชบิดา | โยฮัน มาร์คกราฟแห่งบรันเดินบวร์ค-คูล์มบาค | ||||
พระราชมารดา | บาร์บาราแห่งซัคเซิน-วิทเทนแบร์ก | ||||
ศาสนา | โรมันคาทอลิก |
โดโรเธียแห่งบรันเดินบวร์ค (ค.ศ. 1430/1431 - 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1495) ทรงเป็นเจ้าหญิงโฮเอินท์ซ็อลเลิร์น ซึ่งได้เป็นสมเด็จพระราชินีสแกนดิเนเวียภายใต้สหภาพคาลมาร์ คือ สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก, นอร์เวย์และสวีเดน จากการอภิเษกสมรสกับพระเจ้าคริสตอฟเฟอร์ที่ 3 แห่งเดนมาร์ก ในค.ศ. 1445 จนกระทั่งกษัตริย์คริสตอฟเฟอร์สวรรคต ค.ศ. 1448 และต่อมาทรงเป็นพระมเหสีในพระเจ้าคริสเตียนที่ 1 แห่งเดนมาร์ก พระนางทรงดำรงเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก ในค.ศ. 1449 และสมเด็จพระราชินีแห่งนอร์เวย์ ในค.ศ. 1450 จนกระทั่งกษัตริย์คริสเตียนสวรรคตในค.ศ. 1481 และยังทรงเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน ตั้งแต่ค.ศ. 1457 - 1464 พระนางยังทรงดำรงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินเดนมาร์กในช่วงสมัยไร้กษัตริย์ในค.ศ. 1448 และเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในช่วงพระราชสวามีองค์ที่สองเสด็จออกจากราชอาณาจักร[1] [2] [3] พระนางยังทรงเป็นพระราชชนนีในพระเจ้าฮันส์แห่งเดนมาร์ก และพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 1 แห่งเดนมาร์ก[4][5]
ช่วงต้นพระชนม์ชีพ
[แก้]โดโรเธียประสูติราว ค.ศ. 1430 หรือ ค.ศ. 1431 เป็นพระราชธิดาในโยฮัน มาร์คกราฟแห่งบรันเดินบวร์ค-คูล์มบาคกับบาร์บาราแห่งซัคเซิน-วิทเทนแบร์ก (1405 - 1465) พระนางทรงมีพระเชษฐภคินีสองพระองค์ ได้แก่ บาร์บารา (1423 - 1481) ผู้ซึ่งกลายเป็นมาร์เชอเนสแห่งมันตัว และเอลิซาเบธ (1425 - 1465) ผู้ซึ่งกลายเป็นดัชเชสแห่งพอเมอเรเนีย เมื่อมีพระชนมายุได้ 8 ชันษา ได้ประทับอยู่ที่ไบร็อยท์ ซึ่งพระบิดาของพระนางเป็นผู้ปกครองอยู่ ในค.ศ. 1443 คริสโตเฟอร์แห่งบาวาเรีย ได้รับเลือกให้เป็นพระมหากษัตริย์เดนมาร์ก, สวีเดนและนอร์เวย์ พระองค์ใหม่ ได้สืบทอดเขตโอเบิร์พฟัลทซ์ ซึ่งอยู่ใกล้ไบร็อยท์ และได้มีการแนะนำให้กษัตริย์คริสตอฟเฟอร์เสกสมรสกับโดโรเธีย เพื่อรับการสนับสนุนของพระบิดาของโดโรเธียต่อฐานอำนาจของกษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ในดินแดนเยอรมัน[6] การหมั้นได้มีการประกาศก่อนสมัยการประทานของพระสันตะปาปาในเรื่องความสัมพันธ์ที่เป็นญาติกัน เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1445 ซึ่งได้รับการอนุมัติในวันที่ 10 มีนาคม
การอภิเษกสมรสกับคริสโตเฟอร์แห่งบาวาเรีย
[แก้]ในวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 1445 พระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างกษัตริย์คริสตอฟเฟอร์และโดโรเธียจัดขึ้นในโคเปนเฮเกน ตามมาด้วยพิธีสวมมงกุฎให้พระราชินีโดโรเธีย กษัตริย์ทรงพระราชทานเงินทุนพร้อมภาษีพิเศษแก่ทั้งสามราชอาณาจักร จึงถูกมองว่าเป็นวาระโอกาสที่พิถีพิถันที่สุดประวัติศาสตร์นอร์ดิกสมัยกลาง[7] พิธีเฉลิมฉลองดำเนินไป 8 วัน และร่วมพิธีโดยเหล่าเจ้าชายผู้ปกครองนครเบราน์ชไวค์ เฮ็สเซินและบาวาเรีย และคณะทูตจากสันนิบาตฮันซา รวมถึงคณะอัศวินท็อยโทและเหล่าขุนนางเดนมาร์ก สวีเดนและนอร์เวย์ พระนางโดโรเธียเสด็จเข้าเมืองโดยมีขุนนางจากทั้งสามราชอาณาจักรสวมชุดปักสีทองขี่ม้าคอยคุ้มกัน และสวมมงกุฎเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก สวีเดนและนอร์เวย์ โดยบาทหลวงของทั้งสามอาณาจักรที่อารามวัดสเตนา[8] ในวันที่ 15 กันยายน พระราชินีทรงได้รับสินสมรสศักดินาจากทั้งสามอาณาจักร ได้แก่ รอสคิลด์ ริงสเต็ด ฮารัลด์บอร์กและสกอยเดนเซของเดนมาร์ก แยมต์ลันด์ของนอร์เวย์ และเออเรบรู นาร์กและแวร์มลันด์ของสวีเดน[9] หากพระนางเลือกที่จะประทับนอกสแกนดิเนเวียในฐานะตกพุ่มหม้าย พระนางจะได้รับทรัพย์จำนวน 45,000 ไรน์กิลเดอร์ ซึ่งเป็นจำนวนหนึ่งในสามของแต่ละอาณาจักร[10]
สมเด็จพระราชินีโดโรเธียเสด็จออกจากสวีเดนพร้อมกษัตริย์ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1446 ทั้งสองพระองค์เสด็จเยือนอารามวัดสเตนา และที่ดินสินสมรสของพระนางที่เออเรบรู ในช่วงนี้พระนางทรงพระราชทานพระวโรกาสให้คาร์ล เจ้ากรมวังแห่งสวีเดนเข้าเฝ้า ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นศัตรูของพระนางในอนาคต ตามพงศาวดารคาร์ลสโคนนิคัน การพบปะครั้งนี้เป็นเรื่องดีและมีการถวายของกำนัลให้แก่พระนางและนางสนองพระโอษฐ์มากมาย ทั้งสองพระองค์เสด็จกลับเดนมาร์กในเดือนกันยายน การอภิเษกสมรสระหว่างพระนางโดโรเธียและกษัตริย์คริสตอฟเฟอร์เป็นเรื่องดีในทางการเมือง โดยพระบิดาของพระนางปกครองดินแดนเยอรมันของกษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ และเป็นทั้งผู้สนับสนุนตลอดจนที่ปรึกษาผู้ภักดี[11] แต่ทั้งสองพระองค์ก็ไม่ทรงมีทายาท ตามบันทึกของอีริคัส โอไล ระบุว่าในความเป็นจริงแล้วการเสกสมรสครั้งนี้ไม่มีเรื่องของความสัมพันธ์ทางเพศเลย[12]
การอภิเษกสมรสกับกษัตริย์คริสเตียนที่ 1 แห่งเดนมาร์ก
[แก้]ธรรมเนียมพระยศของ สมเด็จพระราชินีโดโรเธีย | |
---|---|
ตราประจำพระอิสริยยศ | |
การทูล | Hendes Majestæt (ใต้ฝ่าละอองพระบาท) |
การแทนตน | ข้าพระพุทธเจ้า |
การขานรับ | Deres Majestæt (พระพุทธเจ้าข้า/เพคะ) |
สมเด็จพระพันปีหลวงโดโรเธียได้รับคำขอให้อภิเษกสมรสกับพระเจ้ากาชีมีแยชที่ 4 แห่งโปแลนด์และอัลเบร็ชท์ที่ 6 อาร์ชดยุกแห่งออสเตรีย แต่พระนางทรงเลือกที่จะประทับในเดนมาร์กต่อไป และอภิเษกสมรสกับกษัตริย์เดนมาร์กพระองค์ใหม่ที่ได้รับการเลือกตั้งคือ คริสเตียนแห่งอ็อลเดินบวร์ค หรือ กษัตริย์คริสเตียนที่ 1[13] พระราชพิธีอภิเษกสมรสจัดขึ้นในวันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ. 1449 ตามมาด้วยพระราชพิธีราชาภิเษกในฐานะกษัตริย์คริสเตียนและพระราชินีโดโรเธียแห่งเดนมาร์ก พระนางทรงสละสิทธิในการครอบครองที่ดินศักดินาจากการสมรสที่มีอยู่ในเดนมาร์กและนอร์เวย์ แทนที่ด้วยคาลุนด์บอร์กและแซมเซอในเดนมาร์ก และรอเมริเกในนอร์เวย์ แต่ทรงปฏิเสธที่จะสละที่ดินในสวีเดน[14] มีการเลือกตั้งให้คาร์ล คนุตสัน บอนเดอเป็นกษัตริย์สวีเดนและนอร์เวย์ ทำให้พระนางสูญเสียดินแดนในอาณาจักรเหล่านี้ และด้วยความทะเยอทะยานของพระนาง รวมถึงความทะเยอทะยานของกษัตริย์คริสเตียน ที่ต้องการให้กษัตริย์คริสเตียนสวมมงกุฎในสวีเดนและนอร์เวย์ และเพื่อรวมสหภาพคาลมาร์ที่แตกสลายให้รวมกันอีกครั้ง[15]
กษัตริย์คริสเตียนทรงสืบราชบัลลังก์ในนอร์เวย์เช่นกัน ค.ศ. 1450 แต่การเอาชนะสวีเดนนั้นทำได้ยากกว่า และสมเด็จพระราชินีโดโรเธียทรงยืนหยัดรณรงค์เป็นเวลาหลายปีในการสรรหาผู้สนับสนุนจากเหล่าบาทหลวงและขุนนางสวีเดน ซึ่งพระนางทรงกล่าวพาดพิงถึง กษัตริย์คาร์ลที่ 8 แห่งสวีเดน ทีได้รับเลือกเป็นกษัตริย์นั้น เป็นเพียงอดีตเจ้ากรมวังและข้าราชบริพารของพระนาง ดังนั้นจึงสมควรเรียกว่าเป็นผู้ช่วงชิงราชบัลลังก์และเป็นผู้ทรยศที่ฝ่าฝืนคำปฏิญาณโดยการปล้นสิทธิที่ดินมรดกสมรสในสวีเดนของพระนาง ซึ่งเป็นอดีตพระราชินี[16] ในค.ศ. 1455 พระนางทรงยื่นคำร้องไปถึงสมเด็จพระสันตะปาปา[17] ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1457 การรณรงค์ของพระนางประสบความสำเร็จ เมื่อเกิดการกบฏโดยอาร์ชบิชอป จอน เบ็งก์สัน อ็อกเซนสแทร์นา ได้โค่นบัลลังก์ของกษัตริย์คาร์ลที่ 8 ซึ่งลี้ภัยไปยังดินแดนเยอรมัน และในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1457 กษัตริย์คริสเตียนทรงได้รับเลือกเป็นพระมหากษัตริย์สวีเดน ด้วยเหตุนี้จึงสามารถรวมสามอาณาจักรนอร์ดิกเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้ง[18] สมเด็จพระราชินีโดโรเธียเสด็จเข้าสตอกโฮล์มอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม และที่ดินมรดกสมรสของพระนางได้รับการฟื้นคืนแก่พระนาง ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1458 สภาสวีเดนได้อนุมัติตามพระราชประสงค์ของพระราชินีโดโรเธียและกษัตริย์คริสเตียนที่ว่าพระราชโอรสของทั้งสองพระองค์ จะได้สืบราชบัลลังก์สวีเดน เช่นเดียวกับราชบัลลังก์นอร์เวย์และเดนมาร์กที่ได้มีการรับประกันอย่างมั่นคงแล้ว[19] กษัตริย์และพระราชินีเสด็จกลับเดนมาร์กในเดือนกรกฎาคม
ใน ค.ศ. 1460 กษัตริย์คริสเตียนทรงซื้อดัชชีชเลสวิชและฮ็อลชไตน์ ซึ่งทำให้พระองค์มีหนี้สิ้น ทำให้ต้องทรงขึ้นภาษีและทำลายผู้สนับสนุนฝ่ายพระองค์ในสวีเดน พวกเขาเลือกกษัตริย์คาร์ลที่ 8 เป็นพระมหากษัตริย์อีกครั้งในค.ศ. 1464[20] การสูญเสียสวีเดนส่งผลกระทบต่อสมเด็จพระราชินีโดโรเธีย ที่ทรงรณรงค์มาตลอดพระชนม์ชีพเพื่อพระราชสวามี (และพระราชโอรสในรัชสมัยต่อมา) ในการได้รับราชบัลลังก์อีกครั้ง ส่งผลกระทบต่อสหภาพคาลมาร์แห่งสามราชอาณาจักรและการเรียกคืนดินแดนมรดกสมรสของพระนาง[21] การสูญเสียที่ดินส่วนพระองค์ทำให้พระนางสามารถผลักดันปัญหาสวรีเดนเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีในศาลได้ และพระนางทรงฟ้องกษัตริย์คาร์ลที่ 8 ต่อสมเด็จพระสันตะปาปากรุงโรมในข้อหาช่วงชิงสิทธิในที่ดินของพระนาง[22] เมื่อผู้สืบตำแหน่งจากกษัตริย์คาร์ลที่ 8 เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินสวีเดน คือ สเตียน สตูเร ผู้อาวุโส ซึ่งเป็นหลานลุงของกษัตริย์คาร์ลที่ 8 พระนางจึงทรงฟ้องเขาด้วย[23] ในค.ศ. 1475 พระนางเสด็จอิตาลี พระนางเสด็จเยี่ยมบาร์บาราแห่งบรันเดินบวร์ค พระเชษฐภคินีของพระนางที่มันตัว และเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระสันตะปาปาซิกตุสที่ 4 ในโรม และผลักดันให้มีการปัพพาชนียกรรมสเตียน สตูเร อย่างเป็นทางการ[24] การที่พระนางใช้แผนการปัพพาชนียกรรม จะทำให้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งสวีเดนไม่สามารถปกครองได้ และราชอาณาจักรสวีเดนจะถูกทำลายทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง ส่งผลให้ผู้สำเร็จราชการสวีเดนพ่ายแพ้และมีการเลือกตั้งให้กษัตริย์เดนมาร์กเป็นกษัตริย์สวีเดน อันเป็นนโยบายทางการเมืองที่ถูกระงับและพระนางทรงต่อสู้มาเป็นเวลากว่า 20 ปี[25] การเสด็จเยือนโรมในพฤษภาคม ค.ศ. 1475 สมเด็จพระสันตะปาปาซิกตุสที่ 4 ทรงออกสารตราอนุญาตให้กษัตริย์คริสเตียนจัดตั้งมหาวิทยาลัยในเดนมาร์ก เป็นผลให้มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ได้รับการสถาปนาในค.ศ. 1479
ในเดนมาร์ก สมเด็จพระราชินีโดโรเธียทรงได้รับ สล็อตสโลวึน (Slotsloven) เป็นกฎหมายที่ให้สิทธิแก่สมเด็จพระราชินีในการบังคับบัญชาปราสาท ป้อมปราการทั้งหมดในเดนมาร์ก และต้องทรงทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในช่วงที่พระมหากษัตริย์เสด็จนอกราชอาณาจักร[26] พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ของพระนางมีส่วนในการสร้างอิทธิพลทางการเมือง เมื่อกษัตริย์คริสเตียนทรงได้รับฮ็อลชไตน์และชเลสวิช ในค.ศ. 1460 และไม่สามารถจ่ายได้ พระนางทรงให้พระราชสวามียืมพระราชทรัพย์ในจำนวนที่จำเป็นเพียงพอต่อการซื้อที่ดินเหล่านี้และรวมเข้าไว้กับเดนมาร์ก[27] ในค.ศ. 1470 พระนางทรงยึดอำนาจการควบคุมชเลสวิชและฮ็อลชไตน์โดยพฤตินัย เมื่อกษัตริย์คริสเตียนไม่ทรงสามารถหาทรัพย์มาคืนพระนางได้ พระนางปกครองฮ็อลชไตน์ (ค.ศ. 1479) และชเลสวิช (ค.ศ. 1480) ด้วยพระนางเองและทรงปกครองเหมือนสถานะที่ดินศักดินาของพระนาง[28] หลังการสิ้นพระชนม์ของพระบิดาของพระนาง ในค.ศ. 1464 พระนางทรงต่อสู้กับฟรีดริชที่ 2 ผู้คัดเลือกแห่งบรันเดินบวร์ค อาของพระนาง ในการแย่งชิงมรดกในแคว้นบรันเดินบวร์ค
สมเด็จพระราชินีโดโรเธียทรงได้รับการบรรยายว่า เป็นผู้มีความสามารถ ทะเยอทะยาน หยิ่งยะโสและประหยัด
สมเด็จพระพันปีหลวง
[แก้]กษัตริย์คริสเตียนที่ 1 สวรรคตในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1481 และผู้สืบราชบัลลังก์คือ พระเจ้าฮันส์แห่งเดนมาร์ก พระราชโอรสองค์ใหญ่ ขณะดำรงเป็นสมเด็จพระพันปีหลวง พระนางโปรดที่จะประทับในปราสาทคาลุนด์บอร์ก พระนางยังทรงมีบทบาททางการเมืองในรัชสมัยพระราชโอรสตราบจนสิ้นพระชนม์ พระนางได้พระราชทานดัชชีชเลสวิช-ฮ็อลชไตน์ แก่เจ้าชายเฟรเดอริก พระราชโอรสองค์เล็ก ซึ่งทำให้พระนางเกิดความขัดแย้งกับพระราชโอรสองค์ใหญ่ และสุดท้ายทรงยุติด้วยการแบ่งดัชชีระหว่างพระราชโอรสทั้งสอง[29]
สมเด็จพระพันปีหลวงโดโรเธียยังทรงมีความทะเยอทะยานต่อไปในการรวมสหภาพคาลมาร์แห่งราชอาณาจักรนอร์ดิก โดยพระนางทรงโปรดให้พระราชโอรสครองราชย์เป็นกษัตริย์สวีเดนมากกว่าที่จะสนับสนุนพระราชสวามี ด้วยการขับไล่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งสวีเดนจากการปัพพาชนียกรรม ด้วยเขาทำการริบที่ดินสิทธิมรดกของพระนาง[30] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1482 พระนางทรงตรัสแผนการนี้แก่กษัตริย์ พระราชโอรส และในค.ศ. 1488 พระนางเสด็จไปเยือนบาร์บารา พระเชษฐภคินีที่มันตัวเป็นครั้งที่สอง ระหว่างทางพระนางทรงเข้าเฝ้าฯ จักรพรรดิฟรีดริชที่ 3 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ที่อินส์บรุค และเสด็จเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 8 ที่กรุงโรม ซึ่งพระนางทรงกดดันให้มีการคว่ำบาตรผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแห่งสวีเดนอีกครั้งและให้ราชอาณาจักรสวีเดนอยู่ในโทษต้องห้าม[31] เฮ็มมิง กาห์ เอกอัครราชทูตสวีเดนพยายามอย่างยากลำบากที่ไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น[32] สมเด็จพระพันปีหลวงทรงดำเนินการตามแผนการนี้ต่อไปจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ เรื่องนี้ก็ไม่ยุติจนกระทั่งหลังพระนางสิ้นพระชนม์ไปแล้วสามปี เมื่อพระราชโอรสของพระนางได้รับเลือกเป็นกษัตริย์สวีเดน และพระองค์ทรงยืนยันว่าจะไม่ดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป แม้ว่าพระนางจะสิ้นพระชนม์ก่อนที่พระราชโอรสจะได้เป็นกษัตริย์สวีเดนสองปี แต่ก็ถือว่าความพยายามของพระนางส่งผลให้เกิดผลประโยชน์ดังกล่าว[33]
สมเด็จพระพันปีหลวงโดโรเธียสิ้นพระชนม์ในวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1495 และทรงได้รับการฝังพระศพเคียงข้างพระราชสวามี ณ มหาวิหารรอสกิลด์
พระโอรส-ธิดา
[แก้]พระราชินีโดโรเธียกับพระเจ้าคริสเตียนที่ 1 ทรงมีพระโอรส-ธิดาทั้งหมด 5 พระองค์ ได้แก่
ดูเพิ่ม
[แก้]- รายพระนามคู่อภิเษกสมรสในพระมหากษัตริย์เดนมาร์ก
- รายพระนามคู่อภิเษกสมรสในพระมหากษัตริย์สวีเดน
- รายพระนามคู่อภิเษกสมรสในพระมหากษัตริย์นอร์เวย์
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Terje Bratberg (2014-09-28). "Christoffer Av Bayern". Norsk biografisk leksikon. สืบค้นเมื่อ June 1, 2018.
- ↑ Esben Albrectsen (2016-05-03). "Christian 1". Norsk biografisk leksikon. สืบค้นเมื่อ June 1, 2018.
- ↑ Eldbjørg Haug (2014-09-28). "Hans". Norsk biografisk leksikon. สืบค้นเมื่อ June 1, 2018.
- ↑ Øystein Rian (2014-09-28). "Frederik 1". Norsk biografisk leksikon. สืบค้นเมื่อ June 1, 2018.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dansk kvindebiografisk leksikon
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dansk kvindebiografisk leksikon
- ↑ Dansk kvindebiografisk leksikon
- ↑ Dansk kvindebiografisk leksikon
- ↑ Dansk kvindebiografisk leksikon
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- ↑ Dorotea, urn:sbl:17601, Svenskt biografiskt lexikon (art av Gottfrid Carlsson.), hämtad 2016-09-07.
- โดโรเธียแห่งบรันเดินบวร์ค ที่ไฟน์อะเกรฟ
- Åke Ohlmarks: Alla Sveriges drottningar (All the queens of Sweden) (Swedish)
- Herman Lindvist: Historien om alla Sveriges drottningar (History of all the queens of Sweden) (Swedish) (2006)
- http://www.kvinfo.dk/side/597/bio/498/origin/170/ (in Danish)
ดูเพิ่ม
[แก้]- Anne J. Duggan: Queens and queenship in medieval Europe
ก่อนหน้า | โดโรเธียแห่งบรันเดินบวร์ค | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
เจ้าหญิงฟิลิปปาแห่งอังกฤษ | สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก ครั้งที่ 1 (ราชวงศ์พาราทิเนต-เนามาร์ทก์) (12 กันยายน ค.ศ. 1445 – 6 มกราคม ค.ศ. 1448) |
ว่าง | ||
สมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน สมเด็จพระราชินีแห่งนอร์เวย์ ครั้งที่ 1 (ราชวงศ์พาราทิเนต-เนามาร์ทก์) (12 กันยายน ค.ศ. 1445 – 6 มกราคม ค.ศ. 1448) |
คาทารีนา คาร์ลสด็อทเทอร์ | |||
ว่าง | สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก ครั้งที่ 2 (ราชวงศ์โอลเดนบวร์ก) (28 ตุลาคม ค.ศ. 1449 – 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1481) |
คริสตินาแห่งซัคเซิน | ||
คาทารีนา คาร์ลสด็อทเทอร์ | สมเด็จพระราชินีแห่งนอร์เวย์ ครั้งที่ 2 (ราชวงศ์โอลเดนบวร์ก) (28 ตุลาคม ค.ศ. 1449 – 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1481)
| |||
สมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน ครั้งที่ 2 (ราชวงศ์โอลเดนบวร์ก) (23 มิถุนายน ค.ศ. 1457 – 23 มิถุนายน ค.ศ. 1464) |
คริสตินา อับราฮัมสด็อทเทอร์ |