โดโรเธียแห่งบรันเดินบวร์ค
โดโรเธียแห่งบรันเดินบวร์ค | |
---|---|
โดโรเธีย สมเด็จพระราชินีโดโรเธียแห่งเดนมาร์ก สวีเดนและนอร์เวย์ | |
พระบรมสาทิสลักษณ์ร่วมสมัยของสมเด็จพระราชินีโดโรเธีย | |
มาร์เกรฟวีนแห่งบรันเดินบวร์ค-คลัมบาร์ช สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก สมเด็จพระราชินีแห่งนอร์เวย์ สมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ สมเด็จพระพันปีหลวงแห่งเดนมาร์ก | |
ประสูติ | ราวค.ศ. 1430/ค.ศ. 1431 ณ บรันเดินบวร์ค |
สวรรคต | 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1495 ณ คาลุนด์บอร์ก เดนมาร์ก (พระชนมายุราว 65 พรรษา) |
พระราชสวามี | พระเจ้าคริสตอฟเฟอร์ที่ 3 แห่งเดนมาร์ก พระเจ้าคริสเตียนที่ 1 แห่งเดนมาร์ก |
พระราชบุตร | พระเจ้าฮันส์แห่งเดนมาร์ก มาร์กาเร็ตแห่งเดนมาร์ก สมเด็จพระราชินีแห่งสกอตแลนด์ พระเจ้าเฟรเดอริกที่ 1 แห่งเดนมาร์ก |
สมเด็จพระราชินีโดโรเธียแห่งเดนมาร์ก สวีเดนและนอร์เวย์ | |
ราชวงศ์ | โฮเฮนซอลเลิร์น โอลเดนบวร์ก (โดยการอภิเษกสมรส) |
พระราชบิดา | จอห์น มาร์เกรฟแห่งบรันเดินบวร์ค-คลัมบาร์ช |
พระราชมารดา | บาร์บาราแห่งแซ็กซ์-วิทเทนแบร์ก |
โดโรเธียแห่งบรันเดินบวร์ค (ค.ศ. 1430/1431 - 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1495) ทรงเป็นพระมเหสีในคริสโตเฟอร์แห่งบาวาเรียและพระเจ้าคริสเตียนที่ 1 แห่งเดนมาร์ก พระนางทรงดำรงเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก (ค.ศ. 1445 - 1448 และ ค.ศ. 1449 - 1481), สมเด็จพระราชินีแห่งนอร์เวย์ (ค.ศ. 1445 - 1448 และ ค.ศ. 1450 - 1481) และสมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน (ค.ศ. 1447 - 1448 และค.ศ. 1457 - 1464) ถึงสองครั้ง พระนางยังทรงดำรงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินเดนมาร์กในช่วงที่พระสวามีเสด็จไปนอกราชอาณาจักร
พระราชวงศ์
มาร์เกรฟวีนโดโรเธียประสูติราวปีค.ศ. 1430 หรือปีค.ศ. 1431 เป็นพระราชธิดาในจอห์น มาร์เกรฟแห่งบรันเดินบวร์ค-คลัมบาร์ชและบาร์บาราแห่งแซ็กซ์-วิทเทนแบร์ก (ค.ศ. 1405 - 1465) พระนางทรงมีพระเชษฐภคินีสองพระองค์ ได้แก่ มาร์เกรฟวีนบาร์บารา (1423 - 1481) ผู้ซึ่งกลายเป็นมาคิโอเนสแห่งแมนชัว และมาร์เกรฟวีนเอลิซาเบธ (ค.ศ. 1425 - 1465) ผู้ซึ่งกลายเป็นดัชเชสแห่งโพเมราเนีย
ในวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 1445 มาร์เกรฟวีนโดโรเธียอภิเษกเสกสมรสกับคริสโตเฟอร์แห่งบาวาเรีย หรือ พระเจ้าคริสตอฟเฟอร์ที่ 3 แห่งเดนมาร์ก ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์กในช่วงค.ศ. 1440 - 1448 สวีเดนในช่วงค.ศ. 1441 - 1448 และนอร์เวย์ในช่วงค.ศ. 1442 - 1448 พระราชพิธีอภิเษกสมรสจัดขึ้นที่โคเปนเฮเกน พระนางได้รับการสวมมงกุฎเป็นสมเด็จพระราชินีทั้งสามราชอาณาจักรในวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 1445
หลังจากพระเจ้าคริสตอฟเฟอร์ที่ 3 เสด็จสวรรคต สมเด็จพระพันปีหลวงโดโรเธียทรงอภิเษกสมรสกับพระมหากษัตริย์เดนมาร์กพระองค์ต่อไปที่ได้รับการเลือก คือ พระเจ้าคริสเตียนที่ 1 แห่งเดนมาร์ก ในวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1449 ในปีค.ศ. 1457 พระนางทรงกลายเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดนเป็นครั้งที่สอง และทรงได้รับการสวมมงกุฎที่มหาวิหารในอุปซอลา
พระชนม์ชีพ
สมเด็จพระราชินีโดโรเธียทรงถือครองที่ดินในระบอบศักดินาในทั้งสามราชอาณาจักรของนอร์ดิกด้วยมูลค่า 45,000 ไรน์กิลเดอร์ และที่ดินที่ทรงมีสะสมเพิ่มขึ้นที่มีมูลค่า 15,000 กิลเดอร์ในโอเบอร์ฟาลซ์ เมื่อพระนางทรงตกพุ่มหม้ายในปีค.ศ. 1448 มีการเจรจาต่อรองให้พระนางอภิเษกสมรสกับอัลเบิร์ตที่ 6 อาร์คดยุกแห่งออสเตรียและพระเจ้าเครซิเมียร์ที่ 4 จาเกลอนแห่งโปแลนด์ แต่เมื่อคริสเตียนแห่งโอลเดนบวร์กได้รับเลือกให้เป็นพระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์กพระองค์ใหม่ มีการตกลงให้พระองคือภิเษกสมรสกับพระนางแทน
ในช่วงที่ทรงตกพุ่มหม้าย สมเด็จพระพันปีหลวงโดโรเธียทรงมีที่ดินในระบอบศักดินาจำนวนมากที่สร้างปัญหาให้ ในการอภิเษกสมรสครั้งที่สอง พระนางทรงสละสิทธิในที่ดินของพระนางในเดนมาร์กและนอร์เวย์ ซึ่งแทนที่ด้วยคาลุนด์บอร์กและซัมโซในเดนมาร์กและโรเมไรค์ในนอร์เวย์ พระนางยังทรงเรียกร้องสิทธิในดินแดนของพระนางที่สวีเดน ซึ่งเป็นสิ่งที่พระนางไม่ยอมลดละ ตลอดพระชนม์ชีพของพระนาง ทรงต่อสู้เพื่อเพื่อฟื้นการควบคุมเหนือดินแดนเหล่านั้น ในปีค.ศ. 1451 สงครามเกิดขึ้นระหว่างราชอาณาจักรเหนือพระราชมรดกของพระนาง พระนางทรงได้รับดินแดนนาร์เกและแวร์มลันด์ในปีค.ศ. 1457 แต่ทรงสูญเสียดินแดนเหล่านั้นในปีค.ศ. 1464 ในเรื่องนี้พระนางทรงขอความช่วยเหลือจากสมเด็จพระสันตะปาปาตั้งแต่ปีค.ศ. 1455 และพระนางประสบความสำเร็จในการขอปัพพาชนียกรรม ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแห่งสวีเดน สเตน สตูเร ผู้อาวุโส เกิดการหยุดชะงักในการเจรจาต่อรองทางการเมืองกับสวีเดนเป็นเวลาหลายปี และพระโอรสของพระนาง พระเจ้าจอห์นแห่งเดนมาร์ก ทรงกลายเป็นพระมหากษัตริย์แห่งสวีเดนในปีค.ศ. 1497 การบัพชานียกรรมได้ถูกบอกล้างอย่างรวดเร็วที่สุดเมื่อพระนางสิ้นพระชนม์ในปีค.ศ. 1495 พระนางยังทรงต่อสู้กับเฟรเดอริกที่ 2 อีเล็กเตอร์แห่งบรันเดินบวร์ค พระปิตุลาของพระนาง ในการแย่งชิงมรดกที่ถูกทิ้งไว้หลังจากที่จอห์น มาร์เกรฟแห่งบรันเดินบวร์ค-คลัมบาร์ช พระบิดาของพระนางสิ้นพระชนม์ในปีค.ศ. 1464
สมเด็จพระราชินีโดโรเธียทรงดำรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในระหว่างที่พระสวามีเสด็จออกนอกราชอาณาจักร พระนางทรงได้รับตำแหน่ง slotsloven ซึ่งหมายความว่าพระนางทรงมีสิทธิบัญชาการปราสาททั้งหมดในเดนมาร์ก พระนางทรงเป็นบุคคลทางการเมืองที่ทรงอำนาจเนื่องจากฐานะทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของพระนาง ซึ่งได้รับความเคารพทั้งจากพระสวามีและพระโอรสของพระนาง พระนางทรงได้รับแม้กระทั่งที่ดินของพระสวามีเมื่อพระนางทรงให้พระสวามียืมพระราชทรัพย์แต่พระองค์ไม่สามารถจ่ายคืนได้ ในปีค.ศ. 1460 พระสวามีของพระนางทรงได้รับฮ็อลชไตน์และดัชชีชเลสวิช แต่มีเงื่อนไขที่ว่าพระองค์สามารถจ่ายให้แก่เจ้าหนี้ของพระองค์ได้ สมเด้จพระราชินีโดโรเธียทรงจ่ายตามคำขอของพระเจ้าคริสเตียน และทำให้พระองค์สามารถทำให้ดินแดนเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของเดนมาร์กได้ พระนางทรงมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในฮ็อลชไตน์และชเลสวิช และโดยในปีค.ศ. 1470 พระนางทรงเป็นพระประมุขโดยพฤตินัยเหนือดินแดนเหล่านี้ ในปีค.ศ. 1479 พระนางทรงได้รับฮ็อลชไตน์และในปีค.ศ. 1480 ทรงได้รับชเลสวิชจากพระสวามีเพื่อเป็นหลักค้ำประกันของพระองค์ในการยืมเงินเมื่อไม่สามารถจ่ายคืนได้ และในช่วงที่พระสวามีสวรรคต พระนางทรงปกครองเหนือดัชชีในฐานะดินแดนของพระนางเอง พระโอรสองค์โตของพระนาง พระเจ้าจอห์นไม่ทรงเห็นด้วยที่พระนางจะทรงมอบชเลสวิช-ฮ็อลชไตน์ให้แก่พระโอรสองค์สุดท้องคือ เจ้าชายเฟรเดอริก ความขัดแย้งนี้ก็ไม่ได้รับการแก้ไขจนกระทั่งค.ศ. 1487 เมื่อพระนางทรงแบ่งชเลสวิช-ฮ็อลชไตน์ให้กับพระโอรสทั้งสอง
ในปีค.ศ. 1475 และค.ศ. 1488 สมเด็จพระพันปีหลวงโดโรเธียได้เสด็จไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปา (สมเด็จพระสันตะปาปาซิกซ์ตุสที่ 4และสมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 8)ที่กรุงโรม และเสด็จไปพบพระเชษฐภคินี พระนางบาร์บาราที่แมนชัว ในปีค.ศ. 1488 พระนางยังเสด็จไปพบกับจักรพรรดิฟรีดริชที่ 3 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ที่อินส์บรุค พระนางทรงได้รับการบรรยายว่าทรงมีพระบุคลิก เยือกเย็น ลงมือกระทำจริงและประหยัด เมื่อทรงตกพุ่มหม้าย พระนางทรงมีที่ประทับหลักคือปราสาทคาลุนด์บอร์ก สมเด็จพระพันปีหลวงโดโรเธียเสด็จสวรรคตในวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1495 และพระศพถูกฝังเคียงข้างพระราชสวามีที่มหาวิหารรอสคิลด์
พระโอรส-ธิดา
พระนางโดโรเธียกับพระเจ้าคริสเตียนที่ 1 ทรงมีพระโอรส-ธิดาทั้งหมด 5 พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์กกับเจ้าชายเฮนริกมีพระราชโอรสร่วมกัน 2 พระองค์ได้แก่
ดูเพิ่ม
- รายพระนามคู่อภิเษกสมรสในพระมหากษัตริย์เดนมาร์ก
- รายพระนามคู่อภิเษกสมรสในพระมหากษัตริย์สวีเดน
- รายพระนามคู่อภิเษกสมรสในพระมหากษัตริย์นอร์เวย์
บรรณานุกรม
- Åke Ohlmarks: Alla Sveriges drottningar (All the queens of Sweden) (Swedish)
- Herman Lindvist: Historien om alla Sveriges drottningar (History of all the queens of Sweden) (Swedish) (2006)
- http://www.kvinfo.dk/side/597/bio/498/origin/170/ (in Danish)
ดูเพิ่ม
- Anne J. Duggan: Queens and queenship in medieval Europe
อ้างอิง
ก่อนหน้า | โดโรเธียแห่งบรันเดินบวร์ค | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
เจ้าหญิงฟิลิปปาแห่งอังกฤษ | สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก ครั้งที่ 1 (ราชวงศ์พาราทิเนต-เนามาร์ทก์) (12 กันยายน ค.ศ. 1445 – 6 มกราคม ค.ศ. 1448) |
ว่าง | ||
สมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน สมเด็จพระราชินีแห่งนอร์เวย์ ครั้งที่ 1 (ราชวงศ์พาราทิเนต-เนามาร์ทก์) (12 กันยายน ค.ศ. 1445 – 6 มกราคม ค.ศ. 1448) |
แคทเทอรีนแห่งบจูรัม | |||
ว่าง | สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก ครั้งที่ 2 (ราชวงศ์โอลเดนบวร์ก) (28 ตุลาคม ค.ศ. 1449 – 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1481) |
เจ้าหญิงคริสตินาแห่งแซ็กโซนี | ||
แคทเทอรีนแห่งบจูรัม | สมเด็จพระราชินีแห่งนอร์เวย์ ครั้งที่ 2 (ราชวงศ์โอลเดนบวร์ก) (28 ตุลาคม ค.ศ. 1449 – 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1481)
| |||
สมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน ครั้งที่ 2 (ราชวงศ์โอลเดนบวร์ก) (23 มิถุนายน ค.ศ. 1457 – 23 มิถุนายน ค.ศ. 1464) |
คริสตินา อับราฮัมสด็อทเทอร์ |